
เจ็ทส์ ฟิตเนส 24 ชั่วโมง เผยกลยุทธ์ความสำเร็จของการสร้างฟิตเนสไลฟ์สไตล์กระจายทั่วเมืองกว่า 22 สาขาภายในระยะเวลาเพียงแค่ 24 เดือน เตรียมพร้อมเปิดอีก 10 สาขาภายใน 6 เดือนข้างหน้า เล็งเป้าระยะยาว 5 ปีจะมีครบ 100 สาขาทั่วประเทศ ขยับขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งด้วยจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไมเคิล เดวิด แลมบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ็ทส์ ฟิตเนส 24 ชั่วโมง ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า นับตั้งแต่เข้าาในประเทศไทยเมื่อปี 2561 การเติบโตของเรานับว่าเป็นฟิตเนสที่ขยายตัวได้เร็วที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1 สาขาต่อ 1 เดือน ด้วยสาขาของเจ็ทส์ ฟิตเนส ที่มีอยู่ทั้งหมดราว 22 สาขา ซึ่ง 17 แห่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 2 แห่งในจังหวัดนนทบุรี 2 แห่งในพัทยา และ 1 แห่งในโคราช นี่คือการเติบโตที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นผู้ให้บริการฟิตเนส 24 ชั่วโมงรายใหญ่ที่สุดของไทย
นอกจากนี้การเติบโตดังกล่าวยังกระตุ้นให้คนไทยหันมาสนใจการออกกำลังกายมากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า กว่า 70% ของสมาชิกฟิตเนสในกรุงเทพฯ เข้าไปออกกำลังกายในฟิตเนสเป็นเวลา 2-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธิ์ที่เราใช้ได้เดินมาถูกทางแล้ว และในอนาคตอัตราการขยายสาขาจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นราว 2 สาขาต่อ 1 เดือน โดยเห็นได้จากความสำเร็จของการเปิดสาขาที่ 21 และ 22 ที่สามารถมีจำนวน 1 สมาชิกต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตรได้นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ
สิ่งสำคัญของความสำเร็จ คือความสะดวกสบายที่เจ็ทส์นำเสนอ ด้วยทำเลที่ตั้งที่หลากหลาย ทั้งที่ตั้งอยู่ในส่วนของศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ออฟฟิศสำนักงาน โดยทั้งหมดจะยึดแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก เพื่อให้สมาชิกมีความสะดวกในการเข้าใช้บริการมากที่สุด และที่สำคัญความหลากหลายของสถานที่จะทำให้ไม่เบื่อที่จะออกกำลังกาย อีกทั้งการเข้าใช้บริการได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมงก็สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี และทั้งหมดก็เป็นปัจจัยที่สะท้อนว่า เจ็ทส์เข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี
โดยความสำเร็จของเราที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากความสะดวกในการเข้าใช้บริการแล้ว เรายังมีความใส่ใจในรายละเอียดของทุกสิ่งที่ผู้ใช้บริการจะได้สัมผัสภายใน “เจ็ทส์ ฟิตเนส 24 ชั่วโมง” ทั้งเรื่องของอุปกรณ์ที่มีความพร้อมและตรงกับความต้องการของสมาชิกอย่างแท้จริง และมีการตรวจเช็กตลอดเวลา อีกทั้งเรื่องการบริการ ความสะอาด โซลูชั่นที่ครบครัน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเข้าใจและเข้าถึงลูกค้า ตลอดจนความสะดวกสบายในการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น โดยสามารถค้นหาพื้นที่และจองคราสฟิตเนสผ่านแอปพลิเคชั่น และเลือกบริการหรือรูปแบบการออกกำลังกายได้อย่างสะดวกด้วยตัวสมาชิกเองล่วงหน้า
ด้วยประสบการณ์ของเราที่มีฟิตเนสให้บริการอยู่ใน 5 ประเทศ (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย อังกฤษ เนเธอร์แลนด์) กว่า 500 สาขาใน 8 แบรนด์บริการ ทำให้เราเข้าใจในความต้องการของสมาชิกที่ต้องการเข้ามาใช้บริการฟิตเนสเป็นอย่างดี แต่กระนั้นก็ไม่ได้ละเลยวัฒนธรรมและความต้องการในแบบของคนไทย โดยผู้บริหารสูงสุดในประเทศไทยจะเป็นเพียงต่างชาติคนเดียวเท่านั้นที่ทำงาน นอกนั้นจะเป็นผู้บริหารชาวไทยทั้งสิ้น เพื่อให้เราเข้าใจผู้ใช้บริการคนไทยในแบบลึกซึ้งมากที่สุด
จะสังเกตได้ว่า เราไม่ได้มีการโปรโมทเพื่อเรียกหรือผูกมัดให้ลูกค้าต้องจ่ายล่วงหน้าแบบระยะยาวในการใช้งานเจ็ทส์ เนื่องจากเราเข้าใจดีว่าเป้าหมายของแต่ละคนในการเข้าใช้บริการมีความแตกต่างกัน ค่าบริการที่ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไปที่สามารถเลือกจ่ายได้ในรูปแบบรายครั้ง รายเดือนและรายปี โดยในเจ็ทส์ เราเชื่อเรื่องความเป็นครอบครัว เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เข้ามาในเจ็ทส์จะเป็นคนหุ่นดี สุขภาพดี อย่างผมเองก็เป็นคนที่อาจจะต้องเข้ายิมเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเข้ามาใข้บริการเจ็ทส์ได้ด้วยความสะดวก ด้วยการเดินทางจากแนวรถไฟฟ้าเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ 3-4ครั้งต่อสัปดาห์
และเมื่อถามถึงตัวชี้วัดความสำเร็จในการทำธุรกิจของเจ็ทส์ ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่ที่จำนวนสมาชิกต่อพื้นที่ให้บริการแบบตารางเมตร โดยสาขาที่มี 1สมาชิกต่อ 1 ตารางเมตรนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ ซึ่งถือว่ามีความสำเร็จอย่างมากเช่นสาขาที่ 21 และ 22 ที่ตั้งอยู่ในโซนบางนาและลาดกระบังที่เพิ่งเปิดล่าสุด และโดยเฉลี่ยพื้นที่ให้บริการของเจ็ทส์จะอยู่ที่ราว 800 – 1,000 ตารางเมตร เฉลี่ยของการรับสมาชิกต่อสาขาจะอยู่ที่ราว 1,000 คนต่อสาขา เมื่อสลับหมุนเวียนกันเข้าใช้บริการจะทำให้ไม่แออัดจนเกินไป
ในอนาคตเจ็ทส์ตั้งเป้าว่าภายในปี 2565 จะสามารถขยายได้กว่า 100 สาขา ด้วยจำนวนการเปิดสาขาที่มีอัตราก้าวหน้ามากกว่าช่วงเริ่มต้น ซึ่งปีนี้จะขยับขึ้นมากกว่า 1 สาขาต่อเดือน โดยภายใน 6 เดือนจะมีการเปิดเพิ่มกว่า 10 สาขา ประกอบด้วย 7 แห่งที่กรุงเทพฯ 1 แห่งที่เชียงใหม่ 1 แห่งที่ภูเก็ต และอีก 1 แห่งเพิ่มที่โคราช ด้วยงบลงทุนกว่า 40 ล้านบาทต่อสาขา
โดยทั้ง 7 สาขาใหม่ที่จะเปิดตัวในกรุงเทพฯ ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนทำเลที่เข้าถึงได้สะดวก ตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือเอ็มอาร์ที ได้แก่ สาขา ดองกิ มอลล์ ใกล้กับบีทีเอส สถานีเอกมัย, สาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ บนถนนพระราม 2 และสาขา เอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ใกล้กับเอ็มอาร์ที สถานีจตุจักร และบีทีเอส สถานีหมอชิต
และในส่วนของสาขาใหม่ของเจ็ทส์ ฟิตเนสในต่างจังหวัด ประกอบด้วย สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล ในจังหวัดภูเก็ต สาขา วัน นิมมาน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ชั้นนำในจังหวัดเชียงใหม่ และสาขาที่สองในโคราชที่เซฟวัน
โดยเมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตของเราในปัจจุบัน ก็อาจมีโอกาสที่จะเปิดได้ถึง 16-18 แห่งต่อปี โดยจะขยายสาขาไปสู่ชานเมือง ตลอดจนจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ที่มีประชากรหนาแน่น เพื่อให้สามารถใกล้ชิดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศได้ดียิ่งขึ้น
“เจ็ทส์ตระหนักดีว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ และลูกค้าของเราหลายคนชื่นชอบที่จะได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการออกกำลังกายที่หลากหลาย เราได้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับฟิตเนสของเรา ด้วยการนำเสนออุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูงสุด สำหรับการออกกำลังกายคนเดียว และในขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์การออกกำลังกายแบบกลุ่มที่หลากหลายควบคู่ไปด้วย” ไมค์กล่าวเสริม
ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็ว เจ็ทส์จึงได้รังสรรค์บริการฟิตเนสที่สามารถตอบโจทย์ข้อจำกัดด้านเวลาและความต้องการในการแสวงหากิจกรรมออกกำลังกายที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าในวัยทำงาน ตลอดจนออกแบบคัดสรรการออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการฟิตร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เจ็ทส์มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นการออกกำลังกายแบบใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการของสมาชิกทุกคน เช่น โปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุที่ผนวกวิธีการดูแลตัวเองเข้ากับระดับความเข้มข้นของการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อการออกกำลังกายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เจ็ทส์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในธุรกิจของ ฟิตเนสแอนด์ไลฟ์สไตล์กรุ๊ป (เอฟแอลจี) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านสุขภาพชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก ที่มีหลากหลายธุรกิจอยู่ในเครือกว่า 8 แบรนด์ มีจำนวนคลับกว่า 500 แห่งทั่วออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งเสริมให้สมาชิกกว่า 1,000,000 คนได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากนั้น เอฟแอลจี ยังมีช่องรายการดิจิทัลด้านสุขภาพและการออกกำลังกายสำหรับสมาชิกด้วย ปัจจุบันประเทศไทยมีสมาชิกทั้งหมดราว 2.5 หมื่นคน
สาขาของเจ็ทส์ในปัจจุบัน ได้แก่ 1.สวนเพลิน มาร์เก็ต (พระราม 4) โทร 064-218-3387, 2.เดอะซีน (ทาวน์อินทาวน์) โทร 097-003-6897, 3.นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว (เกษตร-นวมินทร์) โทร 097-006-9628, 4.สเตเดียม วัน (จุฬาฯ) บีทีเอส สนามกีฬาฯ โทร 095-849-4375, 5.เดอะฟิล (อ่อนนุช) บีทีเอส อ่อนนุช โทร 095-852-0014, 6.สีลม คอนเนค (ช่องนนทรี) บีทีเอส ช่องนนทรี โทร 095-851-9310, 7.เดอะสตรีท (รัชดา) เอ็มอาร์ที ศูนย์วัฒนธรรม โทร 095-851-9312, 8.อาคาร เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ (คลองเตย) โทร 091-770-1816, 9.เสนาเฟสท์ (เจริญนคร) โทร 091-770-1817, 10.โฮมโปร (ราชพฤกษ์) โทร 091-770-1819, 11.พาร์ค 39 (พร้อมพงษ์) โทร 064-302-7697, 12.เกตเวย์ (บางซื่อ) โทร 064-302-7696, 13.อาคารเอสพี (อารีย์) โทร 064-302-7697, 14.คอสโม บาซาร์ (เมืองทองธานี) โทร 064-302-0603, 15.ลิตเติ้ล วอล์ค (พัทยากลาง) โทร 064-302-0601, 16.รอยัล การ์เด้นท์ พลาซ่า พัทยา (เลียบชาดหาดพัทยา) โทร 064-302-0602, 17.มาร์เก็ตเพลส (ดุสิต) โทร 064-302-0604, 18.เทอร์มินอล 21 (โคราช) โทร 063 850 2548, 19.อโศก (บีทีเอส อโศก) โทร. 063-850-3316, 20.แอม ไชน่าทาวน์ (เอ็มอาร์ที วัดมังกร) โทร. 063-835-8983, 21.เอ็มเอส สยาม ทาวเวอร์ (พระราม 3) โทร. 063-835-9280 และ 22.วิคทอรี่ ฮับ (บีทีเอส อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) โทร. 095-586-8785