มิวสิคพลัสซีนีม่า เผยโฉมเครื่องเสียงระดับ AudioPhile

มิวสิคพลัสซีนีม่า เผยโฉมเครื่องเสียงระดับ AudioPhile
มิวสิคพลัสซีนีม่า
นายจุย เซียง ลี ผู้จัดการส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ จำกัด

มิวสิคพลัสซีนีม่า เปิดตัวชุดเครื่องเสียงออดิโอไฟล์ไฮเอนด์ไร้สาย ‘Formation’ และหูฟังไร้สายซีรีย์ใหม่ จากแบรนด์โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ (Bowers & Wilkins) พรีเมียมแบรนด์อันดับหนึ่งจากประเทศอังกฤษ เผยโฉมมิติใหม่แห่งการฟังเพลงเสียงคุณภาพระดับออดิโอไฟล์มาตรฐานสตูดิโอ Abbey Road ผ่านเทคโนโลยีไร้สายเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมดึง Synnex ร่วมจำหน่ายหูฟังไร้สาย ตั้งเป้าเพิ่มรายได้กว่า 15% กวาดตลาดไฮเอนด์ที่มีมูลค่าสูงถึง 1,200 ล้านบาทในประเทศไทย

นายจุย เซียง ลี ผู้จัดการส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัว ‘ฟอร์เมชั่น ซีรีย์’ (Formation Series) ลำโพงไฮเอนด์คุณภาพเสียงออดิโอไฟล์ไร้สาย รุ่นแรกของโลก และยังได้พัฒนาเทคโนโลยีระบบลำโพงให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์สังคมยุคดิจิทัล ที่เป็นสังคมไร้สาย เพื่อให้ทุกการเชื่อมโยงทำได้อย่างง่ายดาย แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์อยู่เช่นเดิม ภายใต้ไอเดีย ‘เรียบง่าย’ (Simply) ที่ให้ทุกคนเข้าถึงความสุขในการดื่มด่ำคุณภาพเสียงออดิโอไฟล์ได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น

ซึ่งในปีนี้เราวางแผนในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มไร้สาย ทั้งชุดเครื่องเสียงฟอร์เมชั่นและยังมีหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นภายใต้แนวคิดการนำเสียงออดิโอไฟล์ระดับไฮเอนด์มาตรฐานเดียวกับสตูดิโอห้องอัดระดับโลกมาไว้ในหูฟัง ที่จะไปกับคุณได้ทุกที่ทุกไลฟ์สไตล์ โดยวางแผนจัดจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งตลาดในประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นตลาดสำคัญของกลุ่มลูกค้าระดับบนในภูมิภาคอาเซียน

กว่าครึ่งศตวรรษที่แบรนด์โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ได้สร้างตำนานลำโพงเสียงคุณภาพ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 จนเป็นที่ยอมรับมานานกว่า 55 ปี ในเรื่องคุณภาพเสียงระดับออดิโอไฟล์ที่สตูดิโอชื่อดังอย่าง แอบบี้โรด ได้นำลำโพงของโบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ไปใช้อ้างอิงในการบันทึกเสียง ซึ่งเราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมการผลิตลำโพงสู่ความเป็นเอกลักษณ์และยกระดับการฟังสู่คุณภาพเสียงไฮเอนด์

และในปี ค.ศ.1993 โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ได้สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชที่โลกต้องจารึกกับคอลเลคชั่นนอติลูส (Nautilus) ที่เป็นการสร้างอัตลักษณ์เฉพาะของรูปลักษณ์ลำโพงโบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ด้วยทฤษฎีเชิงฟิสิกส์ในการจัดวางตัวขับเสียงบนแผงหน้าลำโพงให้ลดหลั่นเพื่อชดเชยทางเฟสพร้อมยกตู้ลำโพงสูงลอยขึ้นจากพื้นที่ไม่มีส่วนใดขนานกันเลยจึงทำให้ปราศจากเสียงเพี้ยน และได้ดีไซน์ที่ล้ำสมัยแบบที่ในยุคนั้นไม่มีใครทำมาก่อนและกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้มาจนทุกวันนี้

และอีกหนึ่งสุดยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์ของโบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ คือการนำเพชรวัสดุที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดมาผลิตเป็นตัวขับเสียงที่ให้พลังขับเสียงสูงชั้นเยี่ยม ใช้ในการผลิตลำโพงไฮเอนด์หลายรุ่น และรุ่น 800 ซีรีย์ ไดม่อน (Series Diamond) ถือเป็นรุ่นฮิตตลอดกาลของโบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ที่ได้รับการยอมรับจากนักฟังหูทองทั่วโลกในเรื่องปราศจากเสียงเพี้ยน

โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 เราได้เลือก บริษัท มิวสิคพลัสซีนีม่า จำกัด (M+C) ในเครือโซนิค วิชั่น เป็นมาเป็นพันธมิตรธุรกิจในการนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ อย่างเป็นทางการ แต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย ด้วยเล็งเห็นถึงความสามารถและศักยภาพของมิวสิคพลัสซีนีม่า (M+C) ที่มีความพร้อมและความชำนาญในตลาดเครื่องเสียงของไทยมากว่า 20 ปี และมีศักยภาพในการสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์เครื่องเสียงต่างๆ ทั้งด้านมัลติมีเดีย รถยนต์ โฮมออดิโอ รวมถึงยังสร้างยอดขายของสินค้าประเภทแอมพลิฟายด์สู่อันดับหนึ่งของเอเชีย ตลอดจนในด้านการดูแลลูกค้าและบริการหลังการขายที่มิวสิคพลัสซีนีม่า ทำได้ดีมาโดยตลอด ดังนั้นในครั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า มิวสิคพลัสซีนีม่า จะสามารถนำฟอร์เมชั่น จาก โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ขึ้นสู่อันดับหนึ่งกลุ่มเครื่องเสียงไฮเอนด์ สำหรับตลาดในไทย

มิวสิคพลัสซีนีม่า
นายสมัคร สมัครคามัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิวสิคพลัสซีนีม่า จำกัด ในเครือโซนิค วิชั่น

นายสมัคร สมัครคามัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิวสิคพลัสซีนีม่า จำกัด ในเครือโซนิค วิชั่น กล่าวว่า คาดหวังว่าการจับมือพันธมิตรธุรกิจครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมยอดขายของสินค้ากลุ่มหูฟังซีรีย์ใหม่แบรนด์ โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ได้กว่า 30 ล้านบาท ในปี 2563 นี้ และหวังว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้กว่า 15% ด้วยชุดเครื่องเสียง ฟอร์เมชั่น ซีรีย์ และหูฟังไร้สายออดิโอไฟล์ จาก โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมขั้นสุดของอุตหสากรรมชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์ที่นำเทคโนโลยีไร้สาย มาลดทอนความยุ่งยากในการติดตั้งชุดเครื่องเสียง และยังรองรับระบบมัลติรูม ออดิโอ (MultiRoom Audio) สามารถเชื่อมต่อการใช้งานได้หลายพื้นที่ แบบไม่มีสะดุด

ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะตัวของ โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ภายใต้ชื่อเทคโนโลยี Formation Wireless Mesh Technology ที่ช่วยแยกโครงข่ายสัญญาณการเชื่อมต่อของ Wifi ในบ้านออกจากโครงข่ายเครื่องเสียงอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความต่อเนื่องที่ดีเยี่ยม พร้อมการเชื่อมต่อที่รวดเร็วระหว่างอุปกรณ์ในเวลาเพียงแค่ 0.000001 วินาที รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณขนาดสูงสุด 96kHz-24-bit ช่วยให้คุณภาพไฟล์เสียงมีประสิทธิภาพสูงและครบถ้วนในระดับ Audiophile

นอกจากนี้ยังมาพร้อมแอปพลิเคชั่น โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ โฮม บนสมาร์ทโฟน หรือแท๊บเล็ต ที่จะช่วยเชื่อมต่อและสั่งการชุดเครื่องเสียงผ่านระบบสตรีมมิ่งได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ขณะที่หูฟังไร้สายที่เปิดตัวทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้ก็จะนำเทคโนโลยีเดียวกันมาใช้ในการเชื่อมต่อสัญญาณให้มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน และที่สำคัญหูฟังทุกรุ่นจะมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนและระบบชาร์จเร็วภายใน 15 นาที ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสการฟังเพลงที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุดอีกต่อไป

Formation Series
Formation Series

ซึ่ง ฟอร์เมชั่น ซีรีย์ (Formation Series) มีให้เลือถึง 6 รุ่น 6 แบบ ตามความต้องการของลูกค้าและขนาดของห้อง ได้แก่ ดูโอ (DUO), เวดจ์ (WEDGE), เฟลกซ์ (FLEX), บาร์ (BAR), ซัพ (SUB) และออดิโอ (AUDIO) โดยสนนราคาดังนี้

  • Formation Duo ราคาคู่ละ 179,000 บาท

  • Formation Bar ราคา 53,900 บาท

  • Formation Bass ราคา 44,900 บาท

  • Formation Wedge ราคา 39,900 บาท

  • Formation Audio ราคา 31,900 บาท

  • Formation Flex ราคา 21,900 บาท

นอกจากนี้อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ของ โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ในกลุ่มไร้สาย คือ หูฟัง ที่ครั้งนี้ได้ออก ซีรีย์ใหม่ 4 รุ่นได้แก่ อินเอียร์เฮดโฟน (In-Ear Headphone) พีไอ3 (PI 3) และ พีไอ4 (PI 4), ออนเอียร์เฮดโฟน (On-Ear Headphone) PX 5, และโอเวอร์เอียร์เฮดโฟน (Over-Ear Headphone) PX 7 ภายใต้คอนเซปต์ “Purest Listen” ที่ให้คุณภาพเสียงออดิโอไฟล์ชัดใส ไร้เสียงรบกวน เสมือนการฟังเครื่องเสียงไฮเอนด์หลักแสนในหูฟัง และสามารถพกพาไปกับคุณได้ทุกที่ ทุกไลฟ์สไตล์

โดย พีไอ3 (PI 3) และพีไอ4 (PI 4) ออกแบบมาเป็นหูฟังคล้องคอ (Neck Band) ด้วยวัสดุคุณภาพอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ให้ความทนทานและถ่ายทอดคุณภาพเสียงออดิโอไฟล์ได้คมกริบ โดย พีไอ3 (PI 3) ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง และ พีไอ4 (PI 4) ใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง ในราคาเริ่มต้นที่ 7,000 บาท

Formation Series

ส่วน พีเอ็กซ์5 (PX 5) มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนเงียบสนิทไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ฟังเสียงคุณภาพได้อย่างเสถียรไม่มีสะดุด ใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และ พีเอ็กซ์7 (PX 7) เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาขั้นสุดของการถอดแบบเชิงกลชุดเครื่องเสียงออดิโอไฟล์ 800 ซีรีย์ ไดม่อน (Series Diamond) ที่ใช้ในสตูดิโอแอบบี้โรด (Abbey Road) มาสู่หูฟังแบบครอบหู (Over-Ear Headphone) ที่ให้มิติการฟังแบบก้องกังวานไร้ขีดจำกัด และเสียงรบกวน ตัดสลับฟังก์ชั่นรับสายเรียกเข้าและหยุดการเล่นเสียงอัตโนมัติเมื่อยกหูออก และกลับสู่โหมดการฟังเพลงได้อย่างต่อเนื่อง แถมใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมง โดยไม่ต้องชาร์จ โดย PX 5 วางจำหน่ายที่ราคา 12,500 บาท, PX7 ราคา 16,900 บาท

โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มหูฟัง มิวสิคพลัสซีนีม่า ได้จับมือร่วมกับ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ อย่างเป็นทางการ โดยไว้วางใจให้เป็นพาร์ทเนอร์หลักในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดิสทริบิวเตอร์ (Exclusive Distributor) ในกลุ่มสินค้าไอที ทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ในฐานะที่ซินเน็คฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอที เทคโนโลยี หูฟัง และแก็ทเจ็ทต่างๆ อันดับหนึ่งของประเทศไทย และมีศักยภาพในการบริหารตัวแทนจำหน่ายให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วประเทศผ่านช่องทางทั้งร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และช่องทางอีคอมเมิร์ช

ทั้งนี้ชุดเครื่องเสียงฟอร์เมชั่น มีวางจำหน่ายแล้วที่โชว์รูม โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ โซนิค วิชั่น ถนนพระราม 3, คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (Crystal Design Center) เซ็นทรัลเวิล์ด และร้านปิยะนัสทุกสาขา ดีลเลอร์ของมิวสิคพลัสซีนีม่า, โมเดิร์น เทรด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-681-7500-5 หรือ โทร. 085-200-2820 และหูฟัง รุ่น พีไอ3 (PI 3), พีไอ 4 (PI 4), พีเอ็กซ์5 (PX 5) และ พีเอ็กซ์ 7 (PX 7) สามารถหาซื้อที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในเครือ บมจ.ซินเน็คฯ ภายใต้สัญลักษณ์รับประกัน Trusted by Synnex ทั่วประเทศ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.synnex.co.th หรือ Synnex Care 1251

Related Posts