
บราเดอร์คาดผลประกอบการปี 2019 โตกว่าปี 2018 ประมาณ 5% ส่วนปี 2020 ตั้งเป้ายอดขายโต 5% เช่นกัน มั่นใจแม้จะเป็นปีที่ท้าทายมากแต่บราเดอร์ก็พร้อมที่จะรับมือ เร่งสร้างทีมเวิร์คเสริมทัพตัวแทนมุ่งเจาะกลุ่มคอร์ปอเรท อาทิ โรงพยาบาล การศึกษา และองค์กรขนาดใหญ่ เผยศูนย์บริการปัจจุบันมีครบ 77 จังหวัดพร้อมแชทบอทดูแลลูกค้าแบบทันใจ ส่วนตลาดในลาวปีนี้มีศูนย์บริการตั้งอยู่ในเวียงจันท์แล้ว พร้อมเดินหน้าเปิดศูนย์บริการอีก 2 แห่ง ที่หลวงพระบางและสะหวันนะเขต
ปัจจุบันบราเดอร์ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มโมโนเลเซอร์พรินเตอร์ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 38%, กลุ่มโมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชันพรินเตอร์ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 56% และกลุ่มคัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 33% ด้านกลุ่มอิงค์เจทพรินเตอร์ บราเดอร์ยังเกาะกลุ่ม 1 ใน 3 ผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 17% ตกลงจาก 20% เพราะการแข่งขันดุเดือด โดยกลุ่มลูกค้าของบราเดอร์กว่า 60% เป็นกลุ่มลูกค้า SME และคอร์ปอเรท กลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์ยังเป็นสินค้าแฟลกชิป
“สำหรับในตลาดอาเซียนของบราเดอร์ที่ครอบคลุมประะเทศ สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย บราเดอร์ไทยมีสัดส่วน 42% นับเป็นพี่ใหญ่ในตลาดกลุ่มนี้ ดังนั้นบริษัทแม่จึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับตลาดไทยเป็นพิเศษ”
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาแม้ภาพรวมธุรกิจเครื่องพิมพ์ในไทยยังทรงตัว แต่บราเดอร์ยังสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการนำเสนอ DNA ของแบรนด์ที่มีความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าปัจจุบันครบทุกไลฟ์สไตล์ เน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกลยุทธ์ “Push & Pull” จนทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ มั่นใจศักยภาพของภาคเอกชนไทยยังแข็งแกร่งพร้อมปรับตัวรับมือได้ในทุกสภาวะและคาดว่าในสิ้นปีงบประมาณ 2562 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม) บราเดอร์จะมีอัตราการเติบโตแบบสวนกระแสถึง 5 %
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้บราเดอร์จะเพิ่มสีสันในการทำตลาดรูปแบบใหม่เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง และที่สำคัญในปีนี้บราเดอร์จะใช้งานบริการหลังการขายที่ได้รับการยอมรับอย่างมากถึงคุณภาพมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ และจะยังให้ความสำคัญกับการทรานส์ฟอร์ม 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Business transform, Operational Transform และ Talent Transform พร้อมจับมือแบรนด์ดัง ครีเอทสีสันแคมเปญการตลาดขยายการรับรู้สู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และทำให้คนรู้จักมากขึ้น รวมไปถึงรู้สึก “ว๊าว” กับแบรนด์ของบราเดอร์ ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจ ‘at your side’
“สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปีงบประมาณ 2563 นั้นบราเดอร์ยังคงเดินตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ในช่วง 3 ปี ครอบคลุมระหว่างปีงบประมาณ 2562 – 2564 ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นให้แก่กลยุทธ์ ‘3C’ เริ่มจาก Customer เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่เติมเต็มความต้องการให้หลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า Channel Partner ซึ่งในปีนี้จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนด้วยการสร้างการทำงานกับช่องทางการจัดจำหน่ายภายใต้คอนเซปต์ “Brother the Power of TEAM” เป้าหมายเพื่อสร้างทีมที่ปรึกษาให้แก่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สร้างโอกาสทางการขายใหม่ๆ ด้วยการส่งทีมผลิตภัณฑ์ ทีมขาย ทีมสื่อสารการตลาด ทีมเทคนิค และทีมบริการเข้าไปหาลูกค้า และจะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า Company ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มที่บราเดอร์จะเน้นการทำตลาด”
นายธีรวุธ กล่าวว่า บราเดอร์ จะนำระบบ “Agile” มาใช้ในการทำงานในแต่ละโครงการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานเกิดความยืดหยุ่นและเกิดความรวดเร็วในการสร้างผลงาน ด้วยการคัดเลือกบุคลากรในแต่ละแผนก เข้ามาระดมความคิด สร้างทีมเวิร์คเข้ามาเพื่อกำหนดแนวทางในการเพิ่มศักยภาพ ความคล่องตัว และบริหารการใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งระบบดังกล่าวจะใช้ต่อเนื่องไปถึงปี 2564 รวมไปถึงยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ในกลุ่มสินค้าทั้งเครื่องพิมพ์ จักรเย็บผ้า ระบบเครื่องเสียงคาราโอเกะ เครื่องพิมพ์ฉลาก และสแกนเนอร์ตลอดปี เน้นผสานโซลูชันเพื่อเพิ่มตอบโจทย์ความต้องการให้แก่ทุกกลุ่มเป้าหมาย
ด้านนายวรศักดิ์ ประดิษฐ์กุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บราเดอร์จะนำกลยุทธ์การบริการหลังการขายทั้งด้านบุคลากรและระบบการบริการที่ทันสมัยมาเป็นส่วนสำคัญ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยในปีงบประมาณ 2563 บราเดอร์ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อการขยายระยะเวลารับประกัน และเพิ่มบริการพิเศษพร้อมตัวเครื่องได้ตามความต้องการ เพื่อความคุ้มค่าและสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งรูปแบบนำเครื่องเข้าศูนย์บริการและการบริการซ่อมนอกสถานที่
นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาระบบ chatbot ตอบเร็วใน 7 วินาที พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมงเต็มรูปแบบซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ในช่วงต้นปี 2564 พร้อมกันนี้ ยังได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Brother Support Center ที่รวบรวมข้อมูลสินค้า คู่มือการใช้งาน การตรวจสอบสถานะเครื่อง และข้อมูลศูนย์บริการบราเดอร์ทั่วประเทศ พร้อมทั้งสามารถใช้เป็นช่องทาง Brother Live Chat เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า โดยช่องทางดังกล่าวยังสามารถจัดส่งข้อมูลได้ทั้งรูปแบบภาพและวิดีโอได้ด้วยเพื่อเพิ่มมิติด้านการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในส่วนของจำนวนศูนย์บริการในปัจจุบันมีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดศูนย์บริการในประเทศลาวที่เวียงจันทน์ และจะเดินหน้าเปิดศูนย์บริการอีก 2 แห่ง ที่หลวงพระบางและสะหวันนะเขต และเพื่อสร้างมาตรฐานการอบรมแก่พนักงานบราเดอร์ได้นำระบบ e-learning เข้ามาใช้ฝึกอบรมผ่าน visual classroom เพื่อความชัดเจนในการสื่อสาร สามารถใช้ผ่าน Smart devicesเพื่อเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
“บราเดอร์ ยังได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่ออุทิศองค์ความรู้ด้านเทคนิคบริการให้แก่นักศึกษาทั่วในแต่ละภาค อาทิ ภาคกลางที่ปราจีนบุรีและนครนายก ภาคเหนือที่สุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สุรินทร์ และภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี และในปีนี้จะขยายโครงการโดยใช้ศูนย์บริการในพื้นที่หลักๆ เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น เปิดให้นักศึกษาเข้ามารับการอบรมความรู้ด้านเทคนิคที่ศูนย์บริการ รวมทั้งเพิ่มการอบรมหลักสูตร Mindset development เพื่อพัฒนาทัศนคติคิดบวกสร้างความพร้อมก่อนออกสู่สังคมการทำงาน”
นายพรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางด้านการสร้าง ‘บุคลากรคุณภาพ’ รับการเปลี่ยนแปลงของกระแสเศรษฐกิจโลกนั้น บราเดอร์ได้เดินหน้ากลยุทธ์ Talent transform ด้วยการพัฒนากลุ่มบุคลากรที่มีทัศนคติที่ดีและพร้อมจะเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่าและยินดีร่วมเป็นหนึ่งในการผลักดันองค์กรสู่การเติบโตที่ยั่งยืน และพร้อมจะนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้มาแบ่งปันสู่เพื่อนร่วมงาน สร้างบุคลากรคุณภาพใบแบบ multi task skill สร้าง mind set ที่ดี คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ เพิ่มความคล่องตัว นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาด้านการฝึกอบรมด้วยระบบออนไลน์ ให้พนักงานสามารถเข้าคอร์สได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนาศักยภาพ
ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) จะมุ่งไปที่การพัฒนาชุมชนท้องถิ่น (local community) มีโครงการหลักคือ Brother Beat Cancer Run วิ่งด้วยกัน สู้ด้วยกันซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยากไร้ ในมูลนิธิรามาธิบดี กองทุนมะเร็งโลหิตวิทยาผู้ใหญ่ โรงพยาบาลรามาธิบดี และส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม (environment) มีโครงการหลักคือ โครงการ “บราเดอร์อาสาอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลน” ที่บริษัทฯ ได้ทำต่อเนื่องมากว่า 11 ปี ณ ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน จังหวัดสมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม
“บราเดอร์จะยังคงทำโครงการต่อไปเรื่อยๆ แต่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมบ้างและยังคงเป้าหมายไว้ดังเดิม นอกจากนี้ ยังวางแผนเพิ่มการจัดกิจกรรม CSR ในทุกไตรมาส โดยเน้นบริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือชุมชนหรือโครงการด้านการศึกษา ตลอดจนการส่งเสริมทักษะความรู้ด้านไอทีให้แก่นักเรียนนักศึกษาเพื่อเป็นการคืนกลับสู่สังคมด้วยเช่นกัน”