TTA เผยปี 2562 มีกำไรสุทธิ 562.6 ล้านบาท

TTA เผยปี 2562 มีกำไรสุทธิ 562.6 ล้านบาท
TTA
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เผย ผลประกอบการปี 2562 มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA เติบโต 168% เป็น 562.6 ล้านบาท ด้วยกำไรขึ้นต้นอยู่ที่ 3,159.3 ล้านบาท และ EBITDA 1,906.4 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจหลักส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น

ในปี 2562 TTA มีรายได้รวมคิดเป็น 15,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ ร้อยละ 44 กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ร้อยละ 21 กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ร้อยละ 19 และกลุ่มการลงทุนอื่น ร้อยละ 16 ของรายได้รวมทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากการลงทุนจากการขายหุ้นบางส่วนในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งจำนวน 283.7 ล้านบาท และกำไรจากรายการพิเศษในปี 2562 จำนวน 111.9 ล้านบาท

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ เป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและอัตราค่าระวางที่ดีกว่าอัตราตลาด ในปี 2562 ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากค่าดัชนีบอลติค (BDI) ที่ ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของปีที่ 595 จุด ในเดือนกุมภาพันธ์ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 2,518 จุดในเดือนกันยายน 2562 และสิ้นปีปิดที่ 1,090 จุด โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,353 จุด

อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 เริ่ม ต้นปีด้วยความยากลำบาก เพราะนอกจากจะเป็นช่วงที่ธุรกิจชะลอตัวตามฤดูกาลแล้ว ด้วยเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศบราซิล ส่งผลให้ผลผลิตสินแร่เหล็กต่ำกว่าปกติ ตลอดจนมีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซ้ำเข้ามาอีก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดจะส่งผลในระยะสั้น ทั้งอุปสงค์และอุปทานของการขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะกลับมาสู่ภาวะปกตินับจากไตรมาสที่ 2/2563 เป็นต้นไป

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันสูง ในปี 2562 กลับมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราการใช้ประโยชน์เรือที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีการซื้อขายอย่างผันผวนทั้งปีในกรอบ 54-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันดิบในอนาคต ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในกลุ่มโอเปก (OPEC) และประเทศพันธมิตร

ซึ่งนำโดยประเทศรัสเซียได้ตกลงร่วมกันที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2562 ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2563 และมีโอกาสที่จะขยายระยะเวลาอีกในอนาคต นอกจากนี้ Energy Information Administration (EIA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเฉลี่ยอยู่ที่ 65 เหรียฐสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2563 และ 68 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2564

กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งในอุตสาหกรรมไว้ได้ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ ท้าทายในปี 2562 นอกจากปัจจัยเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญตกต่ำและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงแล้ว กลุ่มเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันกับผู้ผลิตปุ๋ยจากประเทศจีน ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นภาษีส่งออกปุ๋ยจากประเทศจีนตั้งแต่ต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 TTA มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 33,473.1 ล้านบาท และมีเงินสดภายใต้การการบริหาร ซึ่งรวมเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสดและสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นอยู่ในระดับที่สูงที่ 7,085.1 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 749.0 ล้านบาท ในปี 2562 รายได้ค่าระวางโตขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน เป็น 6,722.6 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากจำนวนวันทำงานของเรือที่เช่ามาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจเรือเช่าที่เติบโตขึ้น ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 1,326.5 ล้านบาท อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) อยู่ที่ 10,991 เหรียญสหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิ ซึ่งอยู่ที่ 9,451 เหรียญสหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 16 นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ (OPEX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 3,869 เหรียญสหรัฐต่อวันและอัตราการใช้ประโยชน์เรือที่ โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของอยู่ในระดับสูงเกือบร้อยละ 100 ในปี 2562

ณ สิ้นปี 2562 โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของเรือซุปราแมกซ์ จำนวน 21 ลำ มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,285 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 12.71 ปี ไม่มีการซื้อหรือขายเรือในปี 2562 ในขณะที่มีการซื้อเรือมือสองจำนวน 2 ลำและขายเรือเก่าออกไปจำนวน 2 ลำในปี 2561

สำหรับในปี 2563 จะมีปัจจัยเชิงบวกจากการเซ็นสัญญาการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯและประเทศจีน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าธัญพืชและถั่วเหลือง ส่วนการเติบโตด้านอุปทานคาดว่าจะถูกจำกัดจากกฎระเบียบในการลดการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ขององค์กรทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO2020) โดยปัจจัยบวกรวมถึงระยะเวลาที่เรือเข้าอู่เพื่อติดตั้งเครื่องบำบัดก๊าซซัลเฟอร์ ความเร็วเรือที่ลดลงและการปลดระวางเรือที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง: บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด มีรายได้เป็น 3,286ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน สาเหตุจากอัตราการใช้ประโยชน์เรือที่เพิ่มขึ้น จำนวนวันทำงานเป็น 907 วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 23 โดยอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 52 ในปี 2561 เป็น ร้อยละ 79 ในปี 2562 ตามจำนวนวันทำงานที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สูงขึ้น

เมอร์เมด มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 302.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 108 จากปีก่อน ขณะที่ EBITDA แม้จะเป็นลบ แต่ปรับต้วดีขึ้นร้อยละ 80 จากปีก่อนหน้า เป็น (66.2) ล้านบาท นอกจากนี้ ยังรายงานผลขาดทุนจากรายการพิเศษ จำนวน 134.7 ล้านบาทในปี 2562 สาเหตุหลักมาจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและการด้อยค่าทางบัญชีของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลที่เก็บในอู่เย็น (cold-stacking) จำนวน 2 ลำ ดังนั้น เมอร์เมด รายงานผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 358.8 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้น 184.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 34 จากปีก่อนหน้า ส่วนมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ (order book) ณ สิ้นปี แตะระดับ 217 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2559

สำหรับธุรกิจขุดเจาะ เรือขุดเจาะประเภท jack-up drilling rigs สเปคสูง จำนวน 3 ลำ ดำเนินภายใต้บริษัทร่วมแห่งหนึ่ง มีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 100 ในปี 2562 ทั้งนี้ ถึงปัจจุบัน เรือขุดเจาะทั้งหมดนี้ได้รับการต่ออายุจากลูกค้ารายเดิมทั้ง 3 สัญญาออกไปอีก 3 ปี โดยสัญญาจะหมดอายุในเดือนมิถุนายน ปี 2565 เดือนธันวาคม ปี 2565 และเดือนเมษายน ปี 2566

กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย กลุ่มเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงสามารถรักษาตำแหน่งในอุตสาหกรรมไว้ได้ โดยในปี 2562 บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้จากการขาย 2,820.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตของธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่น โดยปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เป็น 189.8 พันตันในปี 2562

ทั้งนี้ ปริมาณขายปุ๋ยภายในประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 75 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เป็น 142.9 พันตัน จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายปุ๋ยเชิงเดี่ยวและปุ๋ยเชิงผสมที่เป็นสูตรหลัก ส่วนปริมาณการส่งออกปุ๋ยลดลงร้อยละ 30 เป็น 47.0 พันตัน สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันกับผู้ผลิตปุ๋ยจากประเทศจีน ดังนั้น PMTA จึงหันไปมุ่งเน้นตลาดในทวีปแอฟริกาแทน อย่างไรก็ตาม EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็น 152.3 ล้านบาทในปี 2562

นอกจากธุรกิจปุ๋ยแล้ว PMTA ยังให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน โดยมีพื้นที่ให้บริการ 66,420 ตารางเมตร รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานและรายได้อื่นอยู่ที่ 64.5 ล้านบาทในปี 2562

ดังนั้น PMTA รายงานผลกำไรสุทธส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16 จากปีก่อน

กลุ่มลงทุนอื่น: กลุ่มการลงทุนอื่นมุ่งเน้นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B), การบริหารทรัพยากรน้ำและ โลจิสติกส์

• ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

พิซซ่า ฮัท ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 147 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่

ทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 โดย ทาโก้ เบลล์ ได้เปิดสาขาทั้งหมด 5 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ สาขาเมอร์คิวรี่ แอท ชิดลม, สาขาสยามพารากอน, สาขาเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า, สาขาสามย่านมิตรทาวน์ และสาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต

• ธุรกิจบริหารทรัพยากรน้ำ

บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (AIM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 80.5 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้าประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 66.7 ทั้งนี้ ในปี 2562 AIM ได้เข้าร่วมประมูลโครงการของภาครัฐ โดยมีมูลค่าโครงการรวมกันมากกว่า 1 พันล้านบาท และ ณ ปัจจุบัน AIM ได้เซ็นสัญญา 1 โครงการ มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท

Related Posts