ฮ่องกง เริ่มใช้ AI ช่วยรักษาผู้ป่วย COVID-19

ฮ่องกง เริ่มใช้ AI ช่วยรักษาผู้ป่วย COVID-19

COVID-19

Biofourmis สตาร์ทอัพด้าน Health-Tech ผู้พัฒนาเทคโนโลยีการรักษาด้วยระบบดิจิทัล ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีเฝ้าระวัง COVID-19 หรือโรคระบาดที่เกิดจากไวรัสโคโรน่า ด้วยโซลูชั่น Biovitmis Sentinel ที่สามารถวิเคราะห์อาการผิดปกติของร่างกายด้วยปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิ่ง ด้วยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยฮ่องกง และ Harmony Medical Inc. พันธมิตรร่วมลงทุนของ Biofourmis สำหรับภูมิภาคจีน

โดยโซลูชั่น Biovitmis Sentinel ของ Biofourmis เป็นโครงการที่พัฒนาด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ โดยการปรับแต่งความสามารถของปัญญสประดิษฐ์หรือเอไอและแมชชีนเลิร์นนิ่ง เพื่อมาช่วยเฝ้าระวังและวิเคราะห์อาการของ COVID-19 ให้กับแพทย์ที่เกี่ยวข้องได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังช่วยคาดการณ์ล่วงหน้าถึงแนวโน้มที่ไวรัสโคโรน่าจะทำปฏิกิริยาต่อร่างกายผู้ป่วย ช่วยให้แพทย์ตัดสินใจเริ่มทำการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที อันจะทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

ศาสตราจารย์ Chung Wah Siu, ภาควิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า เป้าหมายของโปรแกรมนี้คือการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Biovitals Sentinel เพื่อเฝ้าสังเกตผู้ป่วยจากระยะไกลได้ตลอด 24 ชั่วโมง และช่วยให้แพทย์สามารถระบุการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพหรือการเสื่อมสภาพของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับโรค COVID-19 ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

เราหวังว่าความพยายามร่วมกันของเราจะนำไปสู่ความเข้าใจทางระบาดวิทยาที่ดีขึ้นของโรค COVID-19 เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ของการรักษาพลเมืองของเรา รวมถึงชุมชนโลกเมื่อผู้คนติดเชื้อมากขึ้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”

ทั้งนี้ผู้ป่วยที่มีอาการจากโรค COVID-19 มักแสดงอาการ เช่น มีไข้ ไอและหายใจถี่ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถตรวจสอบอย่างใกล้ชิดผ่านพารามิเตอร์ทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้อง ด้วยระบบเซ็นเซอร์ชีวภาพที่พัฒนาขึ้นโดย Biofourmis ภายใต้ชื่อ Everion ซึ่งจะถูกสวมใส่ไว้กับแขนผู้ป่วยทั้งที่กักบริเวณอยู่ที่บ้านหรือสถานพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้แพทย์หรือนักวิจัยสามารถเรียนรู้ค่าต่างๆที่ไวรัสโคโรน่าทำปฏิกิริยาต่อร่างกาย และหาอธิบายรูปแบบการทำลายได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้เครื่อง Everion ยังจะการวัดอุณหภูมิของร่างกายและการวัดค่าต่างๆที่จำเป็นอีกมากมาย ตลอดระยะเวลาที่ผู้ป่วยสวมใส่ ซึ่งมีเซ็นเซอร์คุณภาพสูงทางการแพทย์หลายประเภทรวมอยู่ในเครื่องเดียว ผู้ป่วยสามารถสวมใส่ได้อย่างสบายตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาหลายวันโดยที่ไม่รู้สึกลำคาญ และจะส่งผลลัพธ์ดังกล่าวกว่า 20 รายการไปยังแพลตฟอร์ม Biovitals® Analytics ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่งในการวิเคราะห์แนวโน้มของอาการผิดปกติที่จะเกิดขึ้น เพื่อบ่งบอกพัฒนาการของโรคในผู้ป่วยนั้นๆ ทั้งเรื่องของอุณหภูมิ, อัตราการเต้นของหัวใจ, คลื่นชีพจร, ความแปรปรวนของอัตราการเต้นหัวใจ, อัตราการหายใจ, จังหวะการเต้นของหัวใจและอื่น ๆ

โซลูชั่น Biovitals Sentinel สามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพที่เก็บได้จากผู้ป่วยโดยตรง และข้อมูลของการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเมื่อระบบ AI วิเคราะห์รูปแบบการรักษาที่เหมาะสม และแพทย์สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงผ่านหน้าแดชบอร์ดของโซลูชั่น Biovitals Sentinel tinel และรับการแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการเฝ้าระวัง ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

Kuldeep Singh Rajput ซีอีโอของ Biofourmis กล่าว กล่าวว่า ยิ่งเรารู้อาการ COVID-19 ของผู้ป่วยเร็วเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้รักษาได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเรารู้จักอาการที่พบบ่อย แต่ก็ยังต้องเรียนรู้ว่าไวรัสสายพันธุ์โคโรน่า มีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง และโปรแกรมนี้จะเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจการเกิดโรคและการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายของไวรัสสายพันธุ์นี้อย่างถ่องแท้มากขึ้น และเป็นแนวทางการทำความเข้าใจกับโรคอื่นๆที่อาจจะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในอนาคตเช่น COVID-19 นี้ก็เป็นได้

ด้านดร. เรย์มอนด์ ตง ซีอีโอของ Harmony Medical Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนของ Biofourmis ในภูมิภาคจีน กล่าวเสริมว่า “ ด้วยความร่วมมือพิเศษกับมหาวิทยาลัยฮ่องกงและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในด้านนี้ เราจะสามารถจัดการกับไวรัสโคโรน่า (coronavirus) ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในขณะนี้ เพื่อช่วยชีวิตผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน Biofourmis กำลังเจรจากับหน่วยงานภาครัฐของภูมิภาคต่างๆ ในการใช้เทคโนโลยีช่วยผู้ป่วยและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ COVID-19 เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโซลูชั่น Biovitals Sentinel สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมและพร้อมที่จะนำไปใช้งานในประเทศหรือภูมิภาคใด ๆ ก็ตามที่ต้องการเฝ้าระวังโรคที่คล้ายกันนี้หรือเพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Rajput กล่าวเสริมว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ช่วยเหลือหน่วยงานด้านการแพทย์ หรือหน่วยงานของรัฐที่สนใจในความร่วมมือแบบเดียวกันนี้”

Related Posts