
Linksys เปิดตัวเมดเราเตอร์ใหม่ รุ่น MX5300 รองรับเทคโนโลยี WiFi6 ที่ความเร็วสูงสุด 2400Mbps แบบไตรแบนด์ รองรับการใช้งานเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 150 อุปกรณ์ต่อเครื่อง พร้อมยกระดับความปลอดภัยสู่ WPS3 ที่มาพร้อม Linksys Aware ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวด้วยไวไฟ ที่ช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนไหวภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชั่น ตั้งเป้าขยายสู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตระดับ Gbps ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
นายชาคริต ศิรกุลประดิษฐ ผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคอาเซียน เบลคิน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า เทรนด์ของทั่วโลกที่เริ่มมีการใช้งาน เวิร์คฟอร์มโฮมมากขึ้น ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้น ขณะที่ประเทศไทยก็เริ่มมีความคุ้นเคยการใช้งานออนไลน์ระดับหนึ่ง ทั้งในส่วนของการช้อปปิ้งออนไลน์ และโครงสร้างพื้นฐานของการสื่อสาร ซึ่งการเปิดตัวไวไฟเราเตอร์ในครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์การเชื่อมต่อและรองรับการใช้งานในบ้านได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้งาน
และยิ่งปัจจุบันที่เริ่มเข้าสู่ยุค 5G ที่จะต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับ ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ดังกล่าวยังต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนยุคของยูสเซอร์พอสมควร แต่การที่ผู้บริโภคจะใช้งานได้เร็วที่สุด คือการเปลี่ยนสัญญาณ 5G ให้กลายมาเป็น WiFi6 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคู่ขนานที่จะต้องไปด้วยกัน เพื่อช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆสามารถใช้งาน 5G ได้ด้วยการแปลงสัญญาณจาก 5G ไปเป็น WiFi6 ที่มีความเร็วสูงสุดเชิงเทคนิค 9 Gbps เพื่อให้เราสามารถใช้งานความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับ Gbps ได้อย่างคล่องตัว
ทั้งนี้ประเทศไทยพบข้อมูลผลสำรวจในรายงาน Digital Thailand 20201 ว่าอัตราการเติบโตการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 75% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคนไทยหันมาใช้งานโซเชียลมีเดียสูงมากถึง 99% ในปีนี้ และในรายงานยังชี้ให้เห็นว่าคนไทยกำลังก้าวสู่ การใช้งานดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบหรือที่เรียกว่า Fully Digitalization ไม่มีใครไม่ออนไลน์อีกต่อไป โดยเริ่มเข้าถึง อินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์อัจริยะรอบตัวมากขึ้น
โดยคนไทยกว่า 3.7% มีอุปกรณ์ที่เป็น IoT ติดตั้งอยู่ในบ้านไปแล้ว กว่า 400,000 ครัวเรือน และที่น่าสนใจมากคือในปีนี้สมาร์ททีวีสามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว กว่า 8 เท่า จากรายงานจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น จำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่อมากขึ้น ส่งผลให้การอัพโหลดดาวน์โหลดข้อมูลมีปริมาณมากขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่ตัวเลขของ เอเชียแปซิฟิกนั้นมีประชากรอยู่ราว 4.3 พันล้านคน และมี 2.4 พันล้านคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุปกรณ์และความเร็วอินเทอร์เน็ตต้องรองรับการดาวน์โหลดและอัปโหลดได้อย่างต่อเนื่องและความเร็วที่เพียงพอ
ด้านนายทวีรัชต์ ตั้งชาญตรงกุล Pre-Sale Manager กล่าวว่า เทคโนโลยี WiFi6 นั้นเป็นการเปลี่ยนโค้ดเนมการเรียกใหม่ เพื่อให้คนทั่วไปได้จำง่ายขึ้น จากเดิมที่ผ่านมา ไวไฟ n ก็คือไวไฟ Gen 4 ขณะที่เทคโนโลยีไวไฟ AC จะเป็น Gen 5 และล่าสุด WiFi AX ที่ถูกเรียกให้เป็น WiFi6 ซึ่งจะเร็วขึ้น 4 เท่าจากรุ่นเดิม
ขณะที่การรองรับอุปกรณ์สามารถรองรับได้ 50 ชิ้นต่อคลื่นความถี่ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เยอะขึ้น รองรับการใช้งาน IoT ได้ทั้งบ้านในอนาคต อีกทั้งยังสามารถใช้งานแบนวิชต์ได้เร็วขึ้น 4 เท่าในแต่ละอุปกรณ์ สามารถกระจายสัญญาณได้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น อีกทั้งยัมีความสามารถของ MU-MIMO ที่มีมาตั้งแต่ยุค WiFi5 เพื่อช่วยให้ส่งข้อมูลในหลายๆเสาได้ทั้งฝั่งดาวน์โหลดและอัปโหลด แบบ 2 ทิศทาง ซึ่งจะทำให้การใช้งานด้านอัปโหลดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
มาพร้อมฟีเจอร์ลดการกวนสัญญาณไวไฟ ซึ่ง WiFi6 ถูกออกแบบมาให้สามารถรับรู้ว่าเครือข่ายของตนเองนั้นเป็นอย่างไร ทำให้สามารถระบุวงไวไฟของตนเองเพื่อลดการรบกวนสัญญาณจากไวไฟอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพากขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของการใช้พลังงาน WiFi6 จะช่วยให้งานพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงสามารถอยู่ในโหมดพร้อมใช้งานได้นานมากขึ้น
Linksys MX5300 เป็นไวไฟเราเตอร์ที่มี Mesh เพื่อช่วยให้การกระจายสัญญาณได้กว้างมากขึ้น มาพร้อม 4×4 MU-MIMO เป็นไตรแบนด์ (2.4Ghz1147 Mbps), 5Ghz (2402Mbps), 5Ghz (1733Mbps)) รองรับ 150 อุปกรณ์ต่อ 1 เครื่อง รองรับการใช้งานที่มากกว่า เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานแต่ละจุดระดับ Gbps ที่แท้จริง มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อความปลอดภัย พร้อมการควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่นที่สะดวก
เทคโนโลยี itelligence Mesh (iMesh) ในการช่วยแก้ปัญหาจุดบอดของสัญญาณ และรองรับการเชื่อมต่อได้ภายในชื่อเดียวกัน เพื่อให้การใช้งานแบบ Seamless อย่างแท้จริง ช่วยให้การเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟไร้รอยต่อแบบอัตโนมัติ
ทั้งนี้ในช่วงที่มีวิกฤตโควิด-19 การทำงานที่บ้าน (Work from Home) มีฟังก์ชั่นที่จำเป็นทั้งในส่วนของวิดีโอคอนเฟอเรนที่จะต้องครอบคลุมทั้งบ้าน แม้กระทั่งในห้องน้ำ สปีดดาวน์โหลดที่เพียงพอ รองรับระบบ NAS หรือเน็ตเวิร์กสตอเรจแชริ่งที่เพียงพอ และจะต้องปลอดภัยมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี WiFi6 ที่มาพร้อม WPA3 ที่จะช่วยให้มีโอกาสโดนแฮกยากมากยิ่งขึ้น

iMesh จะสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายกันได้เองอัตโนมัติ เมื่อตั้งค่าตัวแรกที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้วเรียบร้อย การเชื่อมต่อตัวที่สองเพียงปลั๊กแล้วรอให้ไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีฟ้าก็จะสามารถใช้งานได้ทันที และในกรณณีที่ตัวใดตัวหนึ่งเสียหายหรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ระบบจะโอนการเชื่อมต่อไปในส่วนที่ใช้ได้เพื่อรอการแก้ไข จนเมื่อแก้ไขเสร็จระบบจะกลับมาเชื่อมต่อเองอีกครั้งแบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ในรุ่น Linksys Velop Tri-Band ยังมาพร้อมระบบการตรวจจับการเคลื่อนไหว ผ่านการตรวจจับของการสะท้อนสัญญาณของไวไฟ โดยสามารถตั้งค่าความอ่อนไหวของการตรวจจับที่แตกต่างกันเพื่อบ่งบอกคุณลักษณะของการเคลื่อนไหวที่ตรวจจับได้ ในการแยกว่าเป็นคนหรือสัตว์เลี้ยง แล้วระบบจะแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่นให้ผู้ใช้งานรับทราบ
โดยเราเตอร์รุ่นใหม่ Linksys MX5300 สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทุกรุ่นของ Mesh WiFi ของ Linksys ได้ทั้งหมด สามารถเพิ่มจำนวนโหนดเราเตอร์ได้อย่างไม่จำกัดจำนวน
ทั้งนี้ในการใช้งาน Linksys Aware ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการตรวจจับ แนะนำว่าควรวางอุปกรณ์ในระยะที่เหมาะสม โดยสามารถสังเกตได้จากสัญญาณไฟที่จะต้องเป็นสีฟ้าเท่านั้น
โดย MX5300 สามารถเข้าไปแทนที่ตัวเชื่อต่อตัวแรกและนำตัวเก่าเป็นอุปกรณ์ลูกแทน ทำให้อุปกรณ์เก่ายังสามารถใช้งานได้ช่วยลดการสูญเสียอุปกรณ์โดยใช่เหตุ ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Linksys ที่สามารถขยายเน็ตเวิร์กของตัวเองให้เป็นรุ่นใหม่ๆเสมอ โดยที่รุ่นเก่ายังสามารถใช้งานได้ โดย MX5300 เปิดตัวในราคาแพคเริ่มต้น 14,990 บาท (1 MX5300+ 1 Velop Dual-Band) พร้อมประกัน 3 ปี