ลุยชม สิริ แคมปัส ตัวตนของการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

เชื่อว่าหลายๆบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างก็ต้องการทรานส์ฟอร์มไปสู่เทคคัมปะนีมากขึ้น ทั้งเรื่องของการปรับโครงสร้าง รูปแบบการบริหาร ตลอดเครื่องไม้ครื่องมือที่นำเทคโนโลยีเข้ามาสอดแทรกในทุกส่วนของธุรกิจ แต่สำหรับแสนสิริ แบรนด์นักพัฒนาที่เราต่างก็รู้ดีว่าเป็นบริษัทใหญ่ที่เชื่อว่าอยู่ในกลุ่มล้าหลังมาก่อน และเริ่มพลิกเปลี่ยนแปลงตนเองจนกลายเป็นบริษัทแรกๆที่ใกล้เคียงกับกลิ่นไอของเทคคัมปะนียักษ์ใหญ่เลยก็ว่าได้

วันนี้ TheReporterAsia ได้มีโอกาสเดินชมบ้านหลังใหม่ ที่ตั้งอยู่ในโครงการ T77 Community ย่านอ่อนนุช ซึ่งนอกจากจะรองรับพนักงานกว่า 1,400 คนแล้ว ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของการเดินหน้าสู่บริษัทด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ภายใต้ออฟฟิศใหม่ที่ชื่อว่า Siri Campus (สิริแคมปัส) ด้วยการสร้างสรรค์ให้ทุกพื้นที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานได้อย่างลงตัว บนความสุขของการทำงานที่คล่องตัวและอิสระมากยิ่งขึ้น ตามแนวทางของบริษัทยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมดิจิทัลอย่างแท้จริง

แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปชมข้างใน ขออธิบายก่อนนะครับว่า ในส่วนของ สิริแคมปัส นั้นได้สร้างอาคารที่เชื่อมต่อกันออกเป็น 4 ตึก และสร้างสไตล์ของแต่ละตึกที่เอื้อให้เกิดการทำงานประสานกันได้อย่างลงตัวกับ 4 สไตล์ ซึ่งมีทั้งพื้นที่ Co-working space และ Pet Friendly Zone พร้อมโรงอาหาร และ Relaxing Zone ที่สามารผ่อนคลายกันได้ตามต้องการ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ทั้งการเต้น Zomba เล่นโยคะ ปิงปอง บอร์ดเกม และของเล่นที่สามารถเล่นร่วมกับเพื่อน ๆ เพื่อผ่อนคลายได้อย่างอิสระ

เริ่มต้นที่ระบบการเข้าสู่บริการ ในส่วนนี้ต้องบอกเลยว่า ใช้การสแกนใบหน้านะจ๊ะ เมื่อใบหน้าถูกต้องก็เครื่องกั้นก็จะเปิดให้ พร้อมข้อความต้อนรับ แล้วท่านก็จะสามารถเข้ามาในส่วนของตึกเอ ที่จะเป็นโซน Co-working space ที่ให้ทุกคนสามารถเข้ามานั่งทำงานได้อย่างอิสระ พร้อมร้านเครื่องดื่มและอาหารที่ไม่มีกลิ่นให้เลือกสรรค์กันในเวลาหิวท้อง แน่นอนว่าเสิร์ฟแบบธรรมดาก็ดูจะล้าหลังไปหน่อย

งานนี้จึงมีน้องแสนดี เข้ามาช่วยในเรื่องของการเสิร์ฟเครื่องดื่ม ที่เมื่อสั่งแล้วก็สามารถมาส่งได้อย่างตรงออร์เดอร์ บรรยากาศโดยรอบนั้นก็เอื้อให้เกิดการทำงานอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นมุมที่เป็นส่วนตัว มุมการประชุมแบบอาไจน์ ราวๆ 8-10 คน หรือจะเป็นวิวแบบเอาต์ดอร์ ที่มองไปเห็นฟาร์มเกษตร ที่ทางโครงการเพาะปลูกไว้เพื่อใช้ในโครงการของลูกบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณโครงการใหญ่ T77 Community และยังทราบมาว่ามีการนำส่งให้กับโรงเรียนโดยรอบที่ต้องการอีกด้วย

เมื่อเดินลงจากส่วนของพื้นที่ของการแบ่งปันแล้ว ก็เริ่มเข้ามาสู่ตึกบี ซึ่งเป็นส่วนของห้องทำงานแบบอาไจน์ ที่จะเป็นห้องเล็กเพื่อรองรับการประชุมแบบทีมเล็กๆของแสนสิริ สามารถเข้ามาจองห้องผ่านระบบการจองออนไลน์ เพื่อเข้าสู่การประชุมของทีมได้อย่างง่ายดาย โดยรอบของตึกบีล้วนแต่เป็นห้องประชุมแบบปิดในทุกชั้น เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการทำงานแบบ อาไจน์อย่างแท้จริง

ในส่วนของตึกซี เป็นการวางพื้นที่ของลูกเล่นที่ช่วยให้ทีม สามารถเข้ามาลองประชุมแบบพิชชิ่งกันได้อย่างอิสระ เพื่อการระดมความคิดเห็น หรือแม้กระทั่งซ้อมงานพรีเซนต์ ก่อนที่จะออกไปพบลูกค้าหรือสร้างแวลูให้กับบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบรรยากาศโดยร้อบนั้นนอกจากจะมีพื้นที่แบบขั้นบรรไดแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายด้วยกิจกรรมเกมที่สามารถเล่นกันเป็นทีมได้อย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังมีบอร์ดไอเดียที่พนักงานทุกคน สามารถจะมาช่วยแชร์ไอเดียร้านอาหารที่ถูกใจบริเวณโดยรอบให้เพื่อนๆได้รับรู้อีกด้วย

และถัดไปที่ตึกดี ซึ่งเป็นตึกสุดท้ายที่อุดมไปด้วยสิ่งดีๆ ทั้งเรื่องของโรงอาหารขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไว้อย่างมีสไตล์ หรือจะเป็นฟิตเนสขนาดใหญ่ ทีรองรับการออกกำลังกายของพนักงานได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการเต้น zumba และเล่นโยคะ ก็มีพื้นที่ไว้ให้จัดคลาสกันในนี้ได้อย่างสะดวก และเมื่อเดินออกไปด้านนอก เราก็จะเห็นระกังหันปั่นไฟ ที่เป็นการทดลองรูปแบบและดีไซน์กังหันสำหรับเมืองโดยเฉพาะ

โดยกังหันลมดังกล่าวจะมี 2 รุ่นที่จะปั่นหมุนวนให้กำลังไฟกันอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็นโมเดล 1.Omniflow – Smart Energy Pole ที่จะผสมผสานสานทั้งแสงแดดและพลังงานลมให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน และโมเดลที่ 2.Semtive – Wind turbine ซึ่งเป็นนวัตกรรมการออกแบบกังหันเพื่อสถานที่ในเมืองโดยเฉพาะ โดยใบพัดออกแบบให้เปิดรับแรงลมได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าจะมีแรงลมต่ำ เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับที่อยู่อาศัยได้อย่างเพียงพอ

ท้าทายที่สุดเมื่อเราลงลิฟท์มาที่ด้านล่าง จะเห็นลานโล่งแต่มีคอกกั้นไว้เป็นพื้นที่กว้างระหว่างตึก ซึ่งทำไว้ให้สำหรับพนักงานนำพาสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงมาด้วย สามารถนำมาไว้ในส่วนนี้ได้อย่างไม่ต้องกังกล เพื่อให้การทำงานราบรื่น หัวคิดแล่นๆอย่างไม่มีติดขัดอีกต่อไป

เห็นไหมครับว่า การที่แสนสิริบอกว่ากำลังทรานส์ฟอร์มไปสู่เทคคัมปะนีนั้น มันไม่ใช่แค่แนวคิดของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน หรือวิธีการคิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันหมายถึงองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดที่จะสร้างความสุขให้กับพนักงาน เพื่อให้พร้อมรับมือความท้าทายใหม่ๆได้อย่างมีอิสระมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่การปรับตัวเท่านั้น แต่ยังเอื้อให้เกิดความคิดใหม่ๆ บนเครื่องมือที่พร้อมจะนำแนวคิดดังกล่าวผลิตออกมาเป็นบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหานั้นๆได้อย่างแท้จริงและรวดเร็วอีกด้วยนะครับ