เนคเทค เตรียมส่งมอบเครื่องวัดอุณหภูมิใบหน้าแบบแม่นยำสูง

เนคเทค เตรียมส่งมอบเครื่องวัดอุณหภูมิใบหน้าแบบแม่นยำสูง
มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์
ภาพประกอบ | ศศิวิภา หาสุข

เนคเทคต่อยอดผลงานวิจัยคลื่นแสงอินฟาเรดหลังรับการสนับสนุนจาก กทปส. ส่งต่อเทคโนโลยีเข้าสู่เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm FaceSense) ช่วยจับความร้อนบนใบหน้าแบบหลายคนพร้อมกันได้อย่างแม่นยำ ด้วยความเร็วเพียง 0.1 วินาทีในระยะห่างสูงสุด 1.5 เมตร จากการวิเคราะห์ร่วมกันระหว่างระยะห่างของใบหน้ากับเครื่องวัด และการชดเชยอุณหภูมิและความชื้นโดยรอบเพื่อให้เกิดความแม่นยำสูงสุด เตรียมส่งมอบเพื่อทดสอบใช้งานจริงกว่า 40 เครื่องในวันที่ 30 เมษายนนี้

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ www.nectec.or.th ระบุว่า ทีมนักวิจัยได้พัฒนาเครื่องวัดอุณหภูมิบนใบหน้าอัจฉริยะ “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm FaceSense) หลังได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวัดค่าอุณหภูมิร่างกายจากใบหน้าโดยไม่ต้องสัมผัส สู่การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด

โดย “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้ต่อยอดจากทรัพย์สินทางปัญญาเดิมของทีมวิจัยเนคเทค โดยรวมระบบคัดกรองอุณหภูมิบุคคลโดยไม่สัมผัส ผ่านลำแสงอินฟาเรดที่สามารถจับตำแหน่งของบุคคลแบบอัตโนมัติ (Automatic Human Detection) พร้อมการชดเชยค่าอุณหภูมิ (Offset Temperature) และความชื้นโดยรอบ ตลอดจนระยะห่างของการตรวจวัดบุคคลที่แตกต่างกันตั้งแต่ 0.5-1.5 เมตร ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของทีมวิจัยโฟโทนิกส์ (PHT) เนคเทค – สวทช. เพื่อให้ได้อุณภูมิของบุคคลที่เที่ยงตรงมากที่สุด แล้วส่งผ่านเข้าสู่ระบบเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรที่นำไปแสดงผลบนแดชบอร์ดของทั้งแอปพลิเคชั่นและเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ในเวลาเพียง 0.1 วินาที โดยค่าอุณหภูมิจะแสดงเป็นตัวเลขบนจอ หากอุณหภูมิเกินค่าที่กำหนดตัวเลขจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงและส่งเสียงเตือน

มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์

ทำให้สามารถแจ้งเตือนและคัดกรองบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การป้องกันการเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อและการติดตามการระบาดของโรคแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากหรือแออัด รวมถึงสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” จะผลิตขึ้น 40 เครื่องภายใต้การดูแลโดยเนคเทค เพื่อส่งมอบให้กับ กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ในวันที่ 30 เมษายน 2563 นี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้ามาทดแทนกล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imaging Camera) ที่มีใช้ในสถานที่สำคัญในราคาที่ถูกลง ช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาโควิด-19 และเพิ่มความสะดวกในการคัดกรองบุคคลในที่สาธารณะได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

Related Posts