ผู้ให้บริการมือถือใน สิงคโปร์ ส่อแววเลือกใช้ 5G ที่ไม่ใช่หัวเว่ย

สิงคโปร์

สิงคโปร์
ภาพโดย Sasin Tipchai จาก Pixabay

การเปลี่ยนแปลงของ สิงคโปร์ ที่ตั้งเป้า จะสร้างเครือข่ายการสื่อสาร 5G แบบสแตนอโลนให้ได้ทั่วทั้งเกาะ ภายในปี 2025 ทำให้ผู้ให้บริการต่างก็เร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างกันยกใหญ่ ซึ่งจากรายงานล่าสุด ผู้ให้บริการรายใหญ่ 2 ราย ได้ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี 5G จากโนเกียและอีริคสันเป็นอุปกรณ์หลัก ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้อุปกรณ์หัวเว่ยเพียงแค่ส่วนเติมเต็มระบบนิเวศน์ของเครือข่ายเท่านั้น

ด้านสิงเทล (Singapore Telecommunications) ผู้ให้บริการรายใหญ่ของสิงคโปร์ ยืนยันว่า มีการพูดคุยกับค่ายอีริคสันของสวีเดน ในการเป็นอุปกรณ์หลักของการขยายสัญญาณ 5G และโครงข่ายการสื่อสารในพื้นที่ ขณะที่ความร่วมมือของ สตาร์ฮับ (StarHub) และเอ็มวัน (M1) ได้เผยว่าจะเลือกใช้อุปกรณ์หลักของสัญญาณ 5G จากโนเกียของฟินแลนด์

โดยรูปแบบเทคโนโลยี 5G ที่ทั้งสิงเทลและความร่วมทุนระหว่างเอ็มวันและสตาร์ฮับ ใช้จะเป็นแบบสแตนอโลน ซึ่งต้องใช้งบลงทุนมหาศาลในการสร้างเครือข่ายใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ 5G โดยเฉพาะ ให้สามารถครอบคลุมการสื่อสาร 5G ของทั้งเกาะสิงคโปร์ได้ ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกสร้างโครงข่ายแบบสแตนอโลนจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าการปรับปรุงระบบจาก 4G เดิม แต่กระนั้นก็ต้องแลกมาด้วยมูลค่าการลงทุนที่แพงมากยิ่งขึ้นเพราะเท่ากับเป็นการวางโครงข่ายการสื่อสารใหม่ทั้งหมด

ทั้งนี้นับว่าแผนของสิงคโปร์ ในการขยับเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มรูปแบบทั้งประเทศภายในปี 2025 ยังอยู่ในความเป็นไปได้ แม้ว่าจะมีวิกฤตจากไวรัสโคโรน่าเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ โดยนับจากผู้ให้บริการทั้ง 2 รายได้ชนะประมูลการให้บริการ 5G เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็คาดว่าจะเริ่มติดตั้งโครงข่าย 5G ได้ในช่วงมกราคม 2021และขยายโครงข่ายได้ครอบคลุมไม่น้อยกว่า 50% ภายในปี 2022 ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมทั้งประเทศสิงคโปร์ราวปี 2025 ซึ่งจะเป็นการให้บริการที่ยาวนานถึง 15 ปี

banner Sample

Related Posts