ธุรกิจจะต้องเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อพนักงานเปลี่ยนไปสู่การทำงานแบบผสมผสานจากการมาของ COVID-19 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการจัดซื้อและใช้งานโซลูชันระบบเครือข่ายของฝ่าย IT
โดยในการตอบรับต่อภัยโรคระบาดนี้ ผู้นำทางด้าน IT ก็ได้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Cloud, ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย, ระบบประมวลผลที่ Edge และระบบเครือข่ายแบบ AI ให้สอดคล้องกับแผนการกู้คืนธุรกิจที่เริ่มมีความชัดเจน
จากการสำรวจผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ทั่วโลก (IT decision-makers : ITDMs) กว่า 2,400 รายที่ได้รับการสนับสนุนโดยอรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์
เมื่อผู้นำทางด้าน IT ได้ตอบสนองต่อความท้าทายหลายประการจากการทำให้พนักงานสามารถทำงานจากคนละสถานที่อย่างสิ้นเชิงและการเกิดขึ้นของสถานที่ทำงานแบบผสมผสาน ซึ่งผู้คนต้องการที่จะทำงานได้จากทั้งภายในบริษัท, ที่บ้าน และระหว่างเดินทางได้
ผู้นำทางด้าน IT เหล่านี้ก็ต้องมองหาวิธีการที่ปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายให้มีวิวัฒนาการต่อไปและเปลี่ยนจากการลงทุนในรูปแบบ CapEx ไปสู่โซลูชันที่สามารถใช้งานในรูปแบบ ‘as a service’ ได้แทนโดยอัตราส่วนเฉลี่ยของการใช้บริการทางด้าน IT ในรูปแบบ Subscription นั้นจะเติบโตขึ้นอีก 38% ภายในระยะเวลา 2 ปีนับถัดจากนี้
Justin Chiah ผู้อำนวยการอาวุโส (Senior Director) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวัน และฮ่องกง/มาเก๊า (SEATH) ของอรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์กล่าว “เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าในการตอบรับต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT นั้นจะต้องให้ความสนใจในการลดความเสี่ยงลงและความได้เปรียบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในรูปแบบ Subscription
ซึ่งถึงแม้ว่าองค์กรที่ถูกสำรวจในสิงคโปร์กว่า 85% จะทำการชะลอหรือเลื่อนโครงการออกไปจากการมาของ COVID-19 แต่ธุรกิจก็ยังคงมีความมั่นคงและเริ่มมองหาวิธีการที่จะยังคงทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว
จะเห็นได้จากการที่ธุรกิจเหล่านี้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในระบบเครือข่ายแบบ Cloud (38%), ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย (42%), ระบบประมวลผลที่ Edge (40%) และเทคโนโลยี AI สำหรับระบบเครือข่าย (28%)”
รายงานฉบับนี้ที่ได้ทำการสำรวจผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT มากกว่า 20 ประเทศใน 8 อุตสาหกรรมหลัก จะมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจเหล่านี้ต่อความต้องการทางด้าน IT และธุรกิจที่เกิดขึ้นจากการมาของ COVID-19, การตัดสินใจด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นในฐานะของผลลัพธ์จากการตอบสนองนี้ และรูปแบบการลงทุนที่ได้รับการพิจารณา
ผลการศึกษาที่น่าสนใจ :
ผลกระทบจาก COVID-19 มีนัยยะสำคัญเป็นอย่างมาก
ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT (ITDMs) ระบุว่าผลกระทบจาก COVID-19 นี้ส่งผลเป็นอย่างมากกับทั้งพนักงานและการลงทุนระยะสั้นด้านระบบเครือข่าย 78% ของตลาดในภูมิภาค APAC ระบุว่าการลงทุนในโครงการด้านระบบเครือข่ายถูกเลื่อนหรือดำเนินการช้าลงจากการมาของ COVID-19 และ 27% ระบุว่าโครงการในลักษณะนี้ถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง
การยกเลิกโครงการทั่วตลาด APAC เกิดขึ้นสูงสุดในอินเดีย (37%) และเกิดขึ้นน้อยที่สุดในออสเตรเลีย (17%) แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากสำหรับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน
ในขณะที่ 37% ของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ในอุตสาหกรรมด้านการศึกษาและ 35% ในอุตสาหกรรมโรงแรมและที่พักอาศัยทั่วโลกระบุว่าได้ยกเลิกการลงทุนด้านระบบเครือข่าย
อนาคตยังคงสดใส : การลงทุนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใหม่ที่เกิดขึ้น
ในทางกลับกัน แผนการสำหรับอนาคตนั้นถูกวางอย่างแข็งขัน โดยผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ส่วนมากกำลังวางแผนเพื่อที่จะลงทุนเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นสำหรับระบบเครือข่ายท่ามกลางวิกฤต COVID-19
เนื่องจากพวกเขาต้องสนับสนุนตอบรับความต้องการใหม่ๆ ของพนักงานและลูกค้า ด้วยสัดส่วนทั่วโลกกว่า 38% จะเพิ่มการลงทุนในระบบเครือข่ายแบบ Cloud ในขณะที่ 45% จะยังคงลงทุนด้วยสัดส่วนเท่าเดิมและ 15% มีแผนลดการลงทุนลง ภูมิภาค APAC เป็นผู้นำด้วยสัดส่วนถึง 45% ที่ระบุว่าจะเพิ่มการลงทุนในระบบ
เครือข่ายแบบ Cloud โดยมีผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT จากอินเดียเป็นผู้นำที่สัดส่วน 59% ซึ่งด้วยโซลูชัน Cloud ที่เปิดให้มีการบริหารจัดการเครือข่ายขนาดใหญ่ได้จากระยะไกลนี้
ความสามารถเหล่านี้ถือเป็นที่ดึงดูดสำหรับฝ่าย IT เป็นอย่างมาก ในขณะที่โซลูชันแบบ On-Premises นั้นไม่สามารถตอบโจทย์หรือความท้าทายที่ต้องเผชิญได้
ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ยังคงมองหาเครื่องมือที่ดีขึ้นสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์ระบบเครือข่าย โดยสัดส่วน 34% จากทั่วโลกมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย,
48% ระบุว่าจะยังคงลงทุนด้วยสัดส่วนเท่าเดิม และ 15% ระบุว่าจะลดสัดส่วนการลงทุนลง ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ฝ่าย IT สามารถแก้ไขปัญหาและปรับแต่งระบบเครือข่ายเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในขณะที่ความต้องการระบบเหล่านี้มีการเติบโตยิ่งขึ้นจากการที่พนักงานทำงานจากคนละสถานที่อย่างสิ้นเชิง
การเลือกใช้แนวทางการลงทุนรูปแบบใหม่กำลังเติบโต
เมื่อผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT (ITDMs) ได้วางแผนการลงทุนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว พวกเขาก็มองหาทางเลือกในวิธีการลงทุนรูปแบบใหม่เพื่อให้เกิดความสมดุลสูงสุดระหว่างคุณค่าและความยืดหยุ่น
อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะพิจารณาการใช้ Subscription มากที่สุดคือโรงแรมและที่พักอาศัย (66%), เทคโนโลยีและโทรคมนาคม (58%) และการศึกษา (57%)
ผลกระทบจาก COVID-19 ที่มีต่อพฤติกรรมของฝ่าย IT ได้ทำให้เกิดความต้องการในการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถทำนายได้
รวมถึงความต้องการในการลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนจัดซื้อเริ่มต้นนั้นสูงขึ้นจากที่ผ่านมาในทางกลับกัน มีเพียงสัดส่วน 8% จากทั่วโลกเท่านั้นที่ยังคงมีแผนการลงทุนในแบบ CapEx ทั้งหมด
“ด้วยความต้องการของลูกค้าและพนักงานที่ต้องการเปลี่ยนแปลงหลากหลายแง่มุมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ก็ไม่เป็นที่แปลกใจที่จะเห็นผู้นำทางด้าน IT มองหาโซลูชันที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น”
Chiah กล่าว “พวกเขาถูกผลักดันให้ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและต้องมั่นใจว่าระบบเครือข่ายที่มีความซับซ้อนและกระจายตัวขึ้นนี้จะยังคงสร้างประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานต้องการได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
ความต้องการในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายได้อย่างคล่องแคล่วและยืดหยุ่นนี้มีมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จากผลสำรวจทั่วโลกก็ได้แสดงให้เห็นว่า 58% ของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ในภูมิภาค APAC จะพิจารณาโซลูชันแบบ Managed Service ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 53% เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจในภูมิภาค APAC มองอนาคตในทางที่ดี”
แม้ว่าภัยโรคระบาดนี้จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อโครงการต่างๆ ในหลากหลายระดับ งานวิจัยนี้ก็ได้แนะนำว่าผลกระทบเหล่านี้ก็จะกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนในระยะกลางสำหรับเทคโนโลยีระบบเครือข่ายที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น
และเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการลงทุนที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้นซึ่งจะสามารถจำกัดการลงทุนในช่วงแรกเริ่มได้ แนวโน้มที่เคยเกิดขึ้นในสัดส่วนที่คงที่นั้นจะเริ่มเติบโตขึ้น รวมถึงการย้ายไปสู่ระบบ Edge และการใช้งานระบบเครือข่ายที่ชาญฉลาดแบบ Cloud และมี AI คอยช่วยเหลือด้วย