การที่พนักงานทำงานกระจายกันอยู่คนละสถานที่ในทุกวันนี้ ได้สร้างข้อมูลใหม่ ๆ ขึ้นมาที่ส่วนปลายของระบบเครือข่าย (Edge) มากยิ่งขึ้น โดยเกิดจากทุกผู้คน ทุกอุปกรณ์ และทุกสิ่ง (Things) ที่ต่างล้วนเชื่อมต่อเข้ากับโลกดิจิทัลด้วยกันทั้งสิ้น ภายในอีกไม่กี่ปีถัดจากนี้องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่จะต้องรองรับทางเลือกในการรับส่งข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ Edge อีกด้วย ซึ่งจะครอบคลุมข้อมูลจากระบบแพลตฟอร์มที่มีเครื่องตั้งอยู่ในสำนักงาน (On-Premises) ใน Co-Location และบนระบบคลาวด์ ระบบงาน (Workloads) ต่าง ๆจะถูกประมวลผลมากยิ่งขึ้นโดยครอบคลุมบนทุกกลุ่มของศูนย์รวมข้อมูล (Centres of data) ที่เชื่อมต่อถึงกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและความรวดเร็วที่องค์กรธุรกิจต้องการในยุคสมัยแห่งคลาวด์
อย่างไรก็ตามฝ่ายไอทีขององค์กรธุรกิจส่วนมากยังคงไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความต้องการในการเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อจัดการกับข้อมูลเหล่านี้ ทุกวันนี้ระบบ Edge ที่ประกอบไปด้วยหน่วยประมวลผลและระบบจัดเก็บข้อมูลที่ทำงานแยกขาดจากกัน (Silo) ยังคงเชื่อมต่อกันผ่านสถาปัตยกรรมเครือข่ายที่ไม่ได้ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีรูปแบบการดูแลรักษาที่ยากต่อการบริหารจัดการจากศูนย์กลาง
(Centralised Management) ยากต่อการทำให้ทุกส่วนสอดประสานกัน (Orchestration) และ ยังยากต่อการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยและการตรวจสอบการทำงาน (Visibility) ให้ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรธุรกิจซึ่งเกิดการขยายตัวจากเพียงในพื้นที่อาคารขององค์กรไปสู่บ้านของพนักงาน (Extended Enterprise) ในขณะที่การเชื่อมต่อระหว่าง Edge นั้นได้พัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นด้วยเทคโนโลยีอย่างเช่น SD-WAN และ SASE อย่างต่อเนื่อง แต่การดูแลรักษาข้อมูลที่ Edge นั้นก็ยังคงเป็นปัญหาที่ท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ที่พนักงานคนใดคนหนึ่งอาจต้องการบริหารจัดการระบบงานของตนที่กระจายตัวอยู่ในหลายสถานที่และในหลายอุปกรณ์
“ ระบบเครือข่ายภายในศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิม(Data Centre) นั้นถูกเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งที่พนักงานทำการเช็คอีเมล์บนสมาร์ทโฟนสมาร์ทวอทช์ หรือสมาร์ททีวีของพวกเขา ระบบเครือข่ายนั้นมีแต่จะกระจายขยายตัวยิ่งขึ้นตามจำนวนของ IoT ที่นำมาใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธุรกิจสนใจหรือปรับปรุงระบบ Hybrid Workplace อย่างต่อเนื่องเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับภัยโรคระบาดโคโรนาไวรัส ” กล่าวโดย Justin Chiah, ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไต้หวันและฮ่องกง (SEATH) ของ อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise Company
“การศึกษาหนึ่งที่เราได้จัดทำในปีนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถขององค์กรธุรกิจที่สามารถสร้างคุณค่าเชิงธุรกิจจากข้อมูลที่มีอยู่ได้ และคุณค่าเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นตามขีดความสามารถในการรวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ที่ Edge” เขาระบุ “สิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงขึ้นมาไม่ได้เลยหากขาดระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนมารองรับ”
คุณประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าวเพิ่มเติมว่า “ ด้วยมุมมองใหม่ที่เรามีต่อศูนย์ข้อมูล (Data Centre) และศูนย์รวมของข้อมูล (Centre of Data) นี้ แน่นอนว่าระบบเครือข่ายที่เป็นส่วนเชื่อมผสานเทคโนโลยี่และนวัตกรรมทั้งหมดขององค์กรต้องเปลี่ยนไป และ Aruba เราก็พร้อมที่จะตอบโจทย์ด้านระบบเครือข่ายสำหรับ Edge Computing และ Remote Working ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับปี 2564 ด้วยโซลูชั่นใหม่ที่เราเปิดตัวมาทั้งหมดนี้ และเราก็พร้อมจะเข้าไปให้คำปรึกษากับทุกธุรกิจที่มีแผนจะปรับปรุงระบบเครือข่ายเพื่อรอบรับการเปลี่ยนแปลงอนาคตอันใกล้นี้”
การมีแนวทางเชิงสถาปัตยกรรมใหม่นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยสถาปัตยกรรมดังกล่าวนี้จะต้องมี Edge เป็นศูนย์กลาง รองรับการทำงานร่วมกับคลาวด์และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผู้ดูแลระบบไอทีก็ต้องการประสบการณ์คลาวด์ในรูปแบบใหม่ที่รองรับทั้งระบบศูนย์ข้อมูลแบบเดิม การใช้สถานที่ร่วมกับผู้อื่น (Co-location) หรือ Edge ในรูปแบบดิจิทัลใหม่ ที่มีทั้งความง่ายดาย รวดเร็ว และมั่นคงปลอดภัย โดยสามารถใช้งานได้ด้วยการคิดค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นตามการใช้งานจริง
โซลูชันระบบเครือข่ายใหม่เพื่อขับเคลื่อน “Centres of Data” ในแบบ Edge-to-Cloud
วันนี้ Aruba ได้ประกาศเปิดตัวโซลูชันใหม่ที่จะช่วยให้การจัดการด้านไอทีง่ายดายยิ่งขึ้น ช่วยเร่งความเร็วในการนำเสนอบริการใหม่ และทำให้การติดตั้งระบบไอทีมีความเป็นระบบมากยิ่งขึ้นด้วยองค์ประกอบสามส่วน ดังนี้:
- ซอฟต์แวร์จัดการแบบอัตโนมัติตัวใหม่สำหรับสวิตช์ Aruba CX ที่จะนำประสบการณ์เสมือนการจัดการคลาวด์มาสู่ Data Centre Edge ช่วยให้การนำเสนอบริการมีความง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
- สวิตช์ Aruba CX รุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อความยืดหยุ่น เหมาะสม และรองรับการบริหารจัดการผ่านคลาวด์ ซี่งครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่เครือข่ายแบบ Edge ไปจนถึง Data Centre แบบดั้งเดิม
- โซลูชันพร้อมใช้งานจาก HPE และพันธมิตร ที่ได้รวมเอาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผล, ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกันเพื่อช่วยลดเวลา, ความเสี่ยง และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทางด้านระบบไอทีสำหรับ Centres of Data ที่จะเกิดขึ้น
ระบบประสานและอัตโนมัติแบบ Software-Defined
ซอฟต์แวร์ Aruba Fabric Composer ที่เปิดตัวใหม่นี้จะจัดการกลุ่มของอุปกรณ์สวิตช์โดยอัตโนมัติให้ทำงานร่วมกันในโครงสร้างแบบ “Fabric” ซึ่งจะทำให้การทำงานและการแก้ไขปัญหาในแต่ละวันง่ายดายยิ่งขึ้น ซอฟต์แวร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกับสวิตช์ Aruba CX ได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพของการสร้าง Fabric และการจัดการแอปพลิเคชันให้ดีที่สุด ท่ามกลางระบบแวดล้อมที่มีทั้งระบบ Virtualised, hyper-Convereged และระบบประมวลผลพร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลจาก HPE
ระบบนี้เหมาะสมกับผู้ดูแลระบบไอทีที่มักจะต้องวุ่นวายกับการสร้างบริการไอทีที่ต้องทำด้วยตนเองและดูแลระบบที่แยกขาดจากกัน (Silo) หลาย ๆ ระบบทั้งในส่วนคอมพิว (Compute) การทำเวอร์ชวลไลเซชั่น ระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage) และระบบเครือข่าย ผู้ดูแลระบบภาพรวมทางด้านไอที่อาจไม่ได้มีประสบการณ์ด้านระบบเครือข่ายในเชิงลึกมากนัก (เช่นผู้ดูแลเครื่องแม่ข่ายหรือ VM) จะสามารถสร้างและบริหารจัดการ Fabric ได้จากหน้าจอเดียว ทำให้สามารถทำงานได้อย่างทรงพลังและง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนกระทั่งวันนี้
การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่นและครบวงจรสำหรับการใช้งาน Edge ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สวิตช์รุ่น Aruba CX 8360 จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มขยายระบบเครือข่ายพื้นฐานให้ทำงานเป็นระบบเดียวกัน และ รองรับการบริหารจัดการผ่านคลาวด์ได้แบบครบวงจรทั้งเครือข่ายในส่วน Campus และสาขา รวมไปถึง ศูนย์รวมข้อมูล (Centres of Data) ทั้งแบบดั้งเดิมและกำลังจะเกิดขึ้นใหม่ ด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการเครือข่าย AOS-CX อันทรงพลังที่เป็นแบบ Cloud-Native ของ Aruba อุปกรณ์สวิตช์นี้ก็ได้รวมเอาความสามารถชั้นนำที่ใช้งานภายในศูนย์ข้อมูลเข้ากับระบบ Network Analytics Engine (NAE) ที่ฝั่งอยู่ภายในให้พร้อมใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านลิขสิทธิ์ใดๆ เพิ่มเติม
![]() |
จากการเปิดตัวออกมาด้วยกัน 5 รุ่น สวิตช์ Aruba CX 8360 มีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงถึง 1/10/25/40/100 GbE โดยสวิตช์ตระกูลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการใช้งานภายในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการสถาปัตยกรรมแบบ Spine-and-Leaf ที่มีประสิทธิภาพสูง และการใช้งานที่กลุ่มของศูนย์รวมข้อมูลแบบ Edge ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าแต่ต้องการปริมาณพอร์ตที่ไม่มากนัก
รุ่นของ Aruba CX 8360 Switch Series
|
ผสานรวมระบบได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
สุดท้าย Aruba ได้นำเสนอจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตที่เน้นเรื่องระบบเครือข่ายแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวด้วยการนำเสนอบริการไฮบริดคลาวด์จาก HPE GreenLake และ Infrastructure-as-a-Service เพื่อสนับสนุนการใช้งานของลูกค้าที่หลากหลายทั้งในแบบ On-Premises ซี่งเป็นการให้บริการแบบครบวงจรที่ Edge โดยคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง การทำ Co-Location และการใช้งานภายในศูนย์ข้อมูล (Data Centre) เทคโนโลยีระบบเครือข่ายของ Aruba ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญให้กับบริการใหม่ ๆ เหล่านี้ซี่งครอบคลุมถึง VM-as-a-Service Container-as-a-Service และ SAP HANA-as-a-Service โดยลูกค้าที่ใช้งาน HPE GreenLake นั้นได้ให้ข้อมูลว่าสามารถนำเสนอบริการสู่ลูกค้าได้เร็วขึ้นถึง 75% ในขณะที่ยังคงริเริ่มติดตั้งใช้งานโครงการไอทีระดับนานาชาติที่มีความซับซ้อนได้
![]() HPE Aruba Full Stack Integration |
นอกเหนือจากทางเลือกในการใช้งานในแบบคลาวด์และแบบ as-a-service แล้ว ลูกค้ายังมีทางเลือกที่จะซื้อระบบ On-Premises พร้อมใช้ที่ผ่านการทดสอบร่วมกันแล้วโดย HPE และ Aruba สำหรับการใช้งานแบบดั้งเดิมซึ่งลูกค้าเป็นผู้บริหารจัดการเองได้ โดยระบบที่พร้อมใช้งานได้สำหรับโซลูชันศูนย์ข้อมูลไอทีที่ปรับแต่งได้นี้จะทำให้การให้บริการด้านไอทีรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น ในขณะที่ช่วยลดเวลา ความเสี่ยง และความเชี่ยวชาญที่ต้องการในการติดตั้งใช้งานโซลูชันที่มีความซับซ้อนลงได้
การผสานรวมระบบแบบใหม่นี้ครอบคลุมทั้งในส่วน Compute, Storage, HCI, HPC, Virtualisation และคลาวด์ที่หลากหลาย ซี่งรวมถึง HPE ProLiant DL/DX servers, HPE Apollo servers, HPE SimpliVity, HPE Nimble Storage dHCI, HPE Synergy, HPE Flex Superdome, HPE Cray EX supercomputers, Cray ClusterStor storage systems และโซลูชันที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่างเช่น SAP HANA, VMware และ Nutanix |
เร่งการทำ Digital Transformation ของคุณให้เร็วยิ่งขึ้น
การคิดเชิงสร้างสรรค์นวัตกรรม ก้าวล้ำนำยุคสมัย และนอกกรอบจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปเมื่อองค์กรธุรกิจเปลี่ยนจาก “ทำตามสิ่งที่เคยทำมาก่อน” ไปสู่โลกของ Edge-to-Cloud ที่กลุ่มของศูนย์รวมข้อมูล (Centres of Data) นั้นเชื่อมต่อถึงกันและจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังให้กับแอปพลิเคชันและโซลูชันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจนั้นดียิ่งขึ้น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
สวิตช์ตระกูล Aruba CX 8360, Aruba Fabric Composer และระบบผสานรวมกับพันธมิตรพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในขณะที่ HPE GreenLake Hybrid Cloud และโซลูชันสำเร็จรูปอื่นๆ จะพร้อมให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2021 เป็นต้นไป
ราคา MSRP สำหรับ Aruba Fabric Composer จะเริ่มต้นที่ US$3,875 ต่อสวิตช์รุ่น CX แต่ละชุดต่อปี
ราคา MSRP สำหรับสวิตช์ Aruba CX 8360 จะเริ่มต้นที่ US$18,995 (24x10GbE)
ข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันระบบเครือข่ายศูนย์ข้อมูลของ Aruba กรุณาเยี่ยมชมที่:
- https://www.arubanetworks.com/solutions/data-center/
- https://www.arubanetworks.com/products/networking/switches/8360-series/
- https://www.hpe.com/us/en/greenlake/overview.html
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Edge Study ของ Aruba กรุณาเยี่ยมชมที่:
- Report: At the Edge of Change: Navigating the New Data Era
- Infographic: At the Edge of Change