แม้จะเปิดตัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว สำหรับ “ฟิตบิท ไอออนิค” (Fitbit Ionic) แต่ก็นับเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่มีการผสมผสานความเป็นอุปกรณ์แวร์เอเบิ้ล ที่สามารถตรวจวัดสมรรถภาพร่างกาย การออกกำลังกาย ร่วมกับการเป็นเครื่องประดับออกมาในรูปแบบสมาร์ทวอทช์ที่สวมใส่สบายและดูแฟชั่นมากขึ้นทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีจากหนุ่มสาวสายเฮลท์ตี้อยู่ไม่น้อย
โดย Fitbit Ionic เปิดตัวในราคาหมื่นต้นๆ เมื่อต้นปี 2561 และนับเป็นสมาร์ทวอทช์ตัวแรกของฟิตบิท เน้นความเป็นนาฬิกาสายสุขภาพ และออกกำลังกาย มาพร้อมกับ GPS ในตัว มีเซ็นเซอร์ตรวจจับค่าออกซิเจน ชีพจรช่วยในการปรับข้อมูลระหว่างออกกำลังกาย กันน้ำได้ลึก 50 เมตร จึงสามารถสวมใส่เล่นกีฬาทางน้ำได้
ทางด้านรูปลักษณ์การดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ น้ำหนักเบา เริ่มจากตัวเรือนนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยม ดูไม่เทอะทะ หน้าเป็นกระจกกันรอยขีดข่วน (Gorilla Glass 3) มีความแข็งแรงและกันรอยได้ดีมาก การแสดงภาพหน้าจอ HI-RES ทัชสกรีน สีสันสดใส ดูคมชัด ไม่ว่าจะสวมใส่ทำกิจกรรมในร่มหรือกลางแจ้งก็มองเห็นได้ชัดเจน อีกทั้งยังสามารถโหลดภาพหน้าจอใหม่ๆ ได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น (Fitbit Ionic/Clock Face/Fitbit App Gallery)
ส่วนตัวสาย มีลวดลายเล็กๆ ดูแล้วไม่เรียบจนเกินไป วัสดุที่ใช้ก็ให้สัมผัสที่ดีไม่เหนียวเหนอะหนะเมื่อเจอเหงื่อ ซึ่งภายในกล่องจะมีสายมาให้เลือก 2 ขนาด S ขนาด : 5.5 – 6.7 นิ้ว และ L ขนาด : 6.7 – 8.1 นิ้ว ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนได้เองง่ายๆ เพียงแค่กดคลิกปุ่มเล็กๆ ตรงโคนสาย อีกทั้งตัวสายยังเพิ่มความกระชับด้วยตัวล็อก 2 ชั้น ทำให้สวมใส่ได้สะดวกไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรตลอดทั้งวัน มีสีให้เลือกถึง 3 สี คือ White/Blue-Grey, Smoke Gray/Charcoal และ Burnt Orange/Slate Blue ซึ่งโดยรวมรูปลักษณ์ภายนอกทำออกมาได้ดูหรูกว่านาฬิกาสปอร์ตทั่วๆ ไป
ทางด้านการใช้งานในการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4-5 วัน จึงสามารถรองรับการใช้งานสำหรับกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน แต่หากต้องเดินทางไปต่างจังหวัดต้องห้ามลืมที่ชาร์จไปด้วยเพราะสายชาร์จแม่เหล็กของรุ่นนี้ใช้ร่วมกับรุ่นอื่นไม่ได้
โดย Fitbit Ionic สมาร์ทวอทช์ที่ไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนมากนัก เพราะเพียงหลังจากการเปิดบลูทูธ เชื่อมต่อผ่าน Fitbit App กับสมาร์ทโฟน (รองรับทั้งระบบ IOS, Android หรือคอมพิวเตอร์ระบบ Windows) และเริ่มลงทะเบียนด้วยอีเมล์-ใส่รหัสผ่าน สร้างประวัติข้อมูลส่วนตัว ร่วมกับ Fitbit App ก็จะสามารถจับคู่สมาร์ทโฟนของคุณกับนาฬิกาได้ทันทีซึ่งหากมีการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนใหม่ เพียงแค่ Log in ด้วยอีเมล และรหัสผ่านที่ลงทะเบียนไว้ ข้อมูลที่เคยใช้งานยังคงอยู่ครบถ้วน
ดังนั้นเวลาไปออกกำลังกายผู้ใช้สามารถใส่แค่ Fitbit Ionic และมีหูฟังบูลทูธสำหรับฟังเพลงจากสมาร์ทวอทช์ (ที่สามารถจุเพลงได้ 300 เพลง) ก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังกายได้แล้ว โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย และหากมีสายเรียกเข้าหรือข้อความต่างๆ (ไม่รองรับฟอนต์อักษรภาษาไทย) แต่จะมีการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทวอทช์ของคุณทันที ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดการติดต่อ
และแม้ Fitbit App จะยังไม่รองรับภาษาไทยก็มีขั้นตอนการใช้ง่ายๆ เหมาะสำหรับ new user ซึ่งความเก่งกาจของ Fitbit Ionic ที่น่าสนใจคือ เขามีฟังก์ชั่นการออกกำลังประหนึ่งเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญการออกกำลังกายส่วนตัว(Coach) มาอยู่บนข้อมือเราเอง และมีการวัดสมรรถภาพร่างกายแบบจัดเต็มในเครื่อง ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง กิน นอน นั่ง หรือทำกิจกรรมอื่นๆ
ด้วยเทคโนโลยีตรวจจับการเคลื่อนไหวว่าเรากำลังทำกิจกรรมอะไรได้ตลอด แถมมีระบบGPS ความแม่นยำสูงคอยตรวจจับตำแหน่งได้ชัดเจน พร้อมคอยแจ้งการเตือน (สั่นที่ข้อมือ) เข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย อีกทั้งยังบันทึกข้อมูลอัตโนมัติและประมวลผลส่งให้ทางอีเมลแบบละเอียดยิบ ทำให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างไม่หลงลืม
ซึ่งส่วนตัวแล้วหลังจากแอดมินได้ลองใช้ ทำให้สัมผัสได้ว่าจะอยู่ในท่วงท่าไหนเราทุกคนก็สามารถทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ การก้าวเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ ระบบการหายใจ หรือการออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ ทุกกิจกรรมจะถูกบันทึกไว้เป็นข้อมูลสุขภาพ ไม่เว้นแม้แต่ขณะที่เราหลับพักผ่อนก็ยังมีการจดบันทึกเพื่อให้เห็นถึงคุณภาพการนอนที่เหมาะสม และผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ ทำให้เห็นว่า Fitbit ไม่ได้ขายแค่อุปกรณ์แต่ยังมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับสุขภาวะที่จะทำให้เราดีขึ้น
และอีกฟีเจอร์เด็ดที่น่าจะถูกใจสาวๆ คือ Fitbit เขาเพิ่มการบันทึกข้อมูลของสุภาพสตรีในเรื่องของรอบเดือน ปริมาณการมาน้อย-มากของประจำเดือน รวมถึงวันตกไข่ให้กับสาวๆ ซึ่งสามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟน และสมาร์ทวอทช์รุ่น Fitbit Ionic และ Fitbit Versa ซึ่งการรู้ถึงปริมาณการมีรอบเดือนที่ผิดปกติเป็นการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้สามารถรับรู้และป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพ ที่จะนำไปสู่การเกิดโรคร้ายแรงได้อีกด้วย
ซึ่งโดยภาพรวมแล้วแม้จะแอบน้อยใจที่ Fitbit App ยังไม่มีภาษาไทย บางฟีเจอร์ เช่น การชำระเงินผ่าน Wallet ยังไม่รองรับในไทย แบตยังไม่ค่อยอึดและที่ชาร์จสลับใช้กับรุ่นอื่นไม่ได้ (ห้ามลืม) แต่หากเทียบกับความสามารถในการประมวลผลเรื่องสุขภาวะต่างๆ การใช้งานไม่ยุ่งยาก และดีไซน์ที่ดูสวยงามเหมาะจะใส่ในทุกโอกาส Fitbit Ionic ก็นับเป็นอีกหนึ่งไอเท็มชิ้นเด็ดที่สายเฮลท์ตี้ควรจะมีติดข้อมือไม่ควรพลาด!!!
เข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/fitbitTH , https://www.fitbit.com/th/home หรือซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ อาทิ คอปเปอร์ไวร์ด พาวเวอร์บาย คิง พาวเวอร์ และ บีทูเอส ทุกสาขาทั่วประเทศ แต่หากเข้าไปเลือกช้อปในร้านค้าออนไลน์ใน LazMall by Lazada ช่วงนี้มีโปรโมชั่นเด็ดๆ เฉพาะรุ่นนี้ลดพิเศษ เหลือเพียง 5,990 บาทเท่านั้น