ปัจจุบันกระแสการออกกำลังกายดูแลสุขภาพที่มาแรง ทำให้ใครหลายคนมองหา gadget คู่ใจ มาช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สมาร์ทวอทช์จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายคนสนใจที่จะนำมาเป็นผู้ช่วยการออกกำลังกายและติดตามข้อมูลการออกกำลังกายอย่างละเอียด ซึ่งปัจจุบันก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกซื้อหา ซึ่งถ้าใครยังเลือกไม่ถูก ทาง TheReporterAsia แนะนำว่าต้องห้ามพลาดรุ่นนี้เลย
“Fitbit Versa 2” สมาร์ทวอทช์รุ่นฮิตจากแบรนด์ Fitbit ผู้ผลิตนาฬิกาอัจฉริยะอันดับต้นๆ จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งใครที่เป็นแฟนแบรนด์นี้จะทราบดีว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของรักสุขภาพ และการออกกำลังกายเป็นที่สุด เพราะจัดหนักจัดเต็มทั้งฟังก์ชั่นการออกกำลังกาย การวัดอัตราการเต้นหัวใจ การนับแคลอรี่อาหาร การดื่มน้ำ ไปจนถึงการวัดประสิทธิภาพการนอน เรียกว่าเรื่องไหนเกี่ยวสุขภาพก็ขนมาใส่ไว้ให้เกือบหมด
โดยเฉพาะ Fitbit Versa 2 รุ่นที่เหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาสมาร์ทวอชเพื่อสุขภาพคู่ใจ ที่มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย เพราะฟังก์ชั่นใช้ง่าย ดีไซน์สวยทันสมัยที่เหมาะสำหรับการสวมใส่ได้ทุกโอกาส เริ่มกันที่ดีไซน์ ตัวเรือน ออกแบบทรงสี่เหลี่ยมปลายโค้งมน ดูทันสมัย ไม่เล็กไม่ใหญ่ ใช้วัสดุอลูมิเนียมเกรด Aerospace มีน้ำหนัก 41 กรัมกว่าๆ จัดว่าเบาใส่ตลอดวันได้ไม่รู้สึกหนัก มาพร้อมกับ ตัวสาย ทำจากซิลิโคนมีให้เลือก 2 ขนาด ให้เลือกเปลี่ยนตามขนาดข้อมือของแต่ละคน
ตัวสายสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยในกล่องจะมีตัวสายคลาสสิกมาให้เลือก 1 แบบ แต่สามารถหาซื้อสายแฟชั่นเพิ่มเติมได้ เพราะรุ่นนี้เขามีแบบสายให้เลือกเยอะสุดๆ ทำให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งตัวสายที่เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกายจะเป็นสายซิลิโคนเพราะไม่อมเหงื่อ อีกทั้งทำความสะอาดง่าย แต่รุ่นสายซิลิโคนสีดำอาจต้องระวังเรื่องฝุ่น เพราะวัสดุซิลิโคนจะมีความหนืดนิดๆ ทำให้เมื่อติดละอองฝุ่นหรือขนจากเสื้อผ้าติดจะมองเห็นได้ชัด
ทางด้านหน้าจอ เป็นจอ Amoled 1.34 นิ้ว ความละเอียด 300×300 Pixels สีสวย ภาพคมชัดสุดๆ การเลื่อนเปลี่ยนหน้าจอเป็นแบบทัชสกรีน ไถ่ลื่นปรื๊ดแบบไม่สะดุด แถมเขายังมีภาพหน้าจอที่สามารถเข้าไปโหลดเพิ่มเติมใน Apps (จากนั้นกดเข้าที่ My Clock Faces) เปลี่ยนไปตามโอกาสช่วยแก้เบื่อ และสามารถตั้งค่าแสดงผลเป็นแบบ Always-on Display เปิดหน้าจอโชว์ความสวยตลอดวัน หรือจะตั้งปิดขณะเราหลับเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ก็สามารถทำได้
ขยับมาดูเรื่องแบตเตอรี่ กันบ้าง สำหรับรุ่นนี้มีตัวแท่นชาร์จคล้ายกับตัวหนีบล็อกกับตัวเรือนแบบพอดี ไม่สามารถใช้ที่ชาร์จของรุ่นอื่นมาแทนได้ โดยการชาร์จแบต 1 ครั้งจะสามารถใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5-7 วัน แต่หากเปิดหน้าจอแบบ Always-on Display ก็อาจจะลดลงมาเหลือเพียง 3-4 วันก็ต้องชาร์จแบตกันใหม่แล้ว
ด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นฐานจัดว่าครบถ้วน ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นับก้าวเดิน Sleep Score แจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ นับแคลอรี่อาหาร ดูสภาพอากาศ ฟังเพลง นาฬิกาปลุก และอีกหลากหลายฟังก์ชั่นที่เราสามารถโหลดเพิ่มเติมได้จากแอพลิเคชั่น Fitbit แต่ที่จัดว่าเด็ดและไม่พูดถึงไม่ได้คือ ฟังก์ชั่นการออกกำลังกายที่เรียกว่าจัดเต็มมาให้มากถึง 10 กว่าชนิด แถมยังสามารถใส่เล่นกีฬาทางน้ำได้อีกด้วย เพราะมีมาตรฐานการกันน้ำ 5 ATM หรือลงน้ำลึกได้ 50 เมตร
ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้งาน สรุปได้ว่าสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นหาคู่ใจการออกกำลังกายเหมาะมาก เพราะสมาร์ทวอชรุ่นนี้ใช้งานไม่ยุ่งยาก บริเวณตัวเรือนมีปุ่มคอนโทรลแค่ 1 ปุ่ม สามารถรายงานผลด้านสุขภาพ รวบรวมข้อมูลการออกกำลังกาย รวมถึงประเมินผลการนอนได้ดีเยี่ยม จากฟังก์ชั่น Sleep Score แสดงผลให้เห็นเป็นกราฟในแอพพลิเคชั่นบ่งบอกถึงคุณภาพการนอนตลอดทั้งคืน และรวบรวมสถิติข้อมูลด้านสุขภาพของเราตลอดทั้งวัน
แต่ที่ยังติดใจอยู่เล็กน้อยคือ ในส่วนของการฟังเพลง รุ่นนี้สามารถลงเพลงในนาฬิกาได้มากกว่า 300 เพลง แต่ต้องใช้การตั้งค่าเพลงผ่านคอมพิวเตอร์ก่อนเท่านั้น โดยขั้นตอนช่วงนี้อาจจะต้องดูเรื่องของความแรงสัญญานเชื่อมต่อไวไฟ บลูธูทต่างๆ และมีการตั้งค่าดูยุ่งสักนิดสำหรับมือใหม่ แต่หากกลั้นใจผ่านการลงเพลงใส่นาฬิกาและเชื่อมต่อกับหูฟังบูลธูทเรียบร้อยแล้วจะสามารถกดเล่นเพลงจากบนนาฬิกา และใช้นาฬิกาเป็นรีโมทเปิดลิสต์เพลงในสมาร์ทโฟนได้ หรือจะเข้า Sportify Premium ก็ทำได้ แต่ต้องตั้งค่าทุกอย่างบนสมาร์ทโฟนก่อนไม่สามารถตั้งค่าจากตัวนาฬิกาได้เช่นกัน ซึ่งถ้าหากทางแบรนด์สามารถตัดปัญหายุ่งยากในกระบวนการนี้น่าจะทำให้มือใหม่แฮปปี้ขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
และนอกจากนี้ ในส่วนของฟังก์ชั่นอื่นๆ ยังคงต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน เช่น จะรับสายสนทนากดรับจากหน้าจอนาฬิกาได้ แต่ยังไม่สามารถสนทนากันผ่านนาฬิกาได้เพราะมีแค่ไมค์แต่ไม่มีลำโพง หรือในส่วนกิจกรรมการวิ่งรุ่นนี้ยังไม่มี GPS ในตัวดังนั้นยังต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วยถึงจะทำแผนที่ระยะทางการวิ่งได้ หรือ Fitbit pay สามารถใช้งานในไทยได้แล้วก็จริง แต่จะลิ้งก์กับบัตรของบางธนาคารเท่านั้น และในการใช้งานทุกฟังก์ชั่นยังคงไม่รองรับภาษาไทยเหมือนเดิม
แต่ก็เรียกได้ว่าถ้าเทียบราคากับความสามารถในภาพรวม สำหรับ Fitbit Versa 2 ก็น่าจะคุ้มค่าเพียงพอสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทวอชระดับกลาง มีฟังก์ชั่นออกกำลังกายพื้นฐาน และบันทึกข้อมูลสุขภาพแบบตลอด 24 ชม. ที่ใช้งานง่าย สวมใส่ได้ทุกโอกาส ที่จะมาเป็นตัวช่วยทำให้มีแรงฮึดการออกกำลังกายมากขึ้นได้อย่างแน่นอน