HUAWEI FreeBuds 4i ในรุ่นนี้ แม้ว่าจะเป็นรุ่นที่เล็กกว่าตัวโปร แต่การออกแบบก็ทำออกมาได้ดูดี โดยตัวเคสมีเอกลักษณ์ที่โมเดิร์นมากขึ้น แถมสีสันก็มีให้เลือกถึง HUAWEI FreeBuds 4i – HUAWEI ประเทศไทย ก็ดูสดใสขึ้น เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าตัววัสดุจะไม่หรูหราเท่ารุ่นโปร แต่ก็ถือได้ว่ามีการตอบสนองการใช้งานได้แข็งแกร่งพอดู แถมการออกแบบที่เป็นรูปไข่ด้วยวัสดุพลาสติกมันเงา ซึ่งมีการซ่อนปุ่มเอาไว้ด้านข้างอย่างเรียบเนียน ก็ให้การสัมผัสที่ดีเมื่อถืออยู่ในมือได้ไม่น้อย
การออกแบบ
การออกแบบเคส ถือว่าทำออกมาได้ดี รูปลักษณ์ของชิ้นงานตัวเคสมีความปราณีตในการทำออกมาเป็นอย่างมาก โดยสังเกตได้จากเคิร์ฟภายในที่สามารถวางหูเข้าช่องชาร์จได้อย่างกระชับ ไม่มีรอยการต่อของเนื้อพลาสติกให้เห็นแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อใส่หูเข้าช่องชาร์จแล้วทำให้สามารถสัมผัสการชาร์จได้อย่างลงตัว แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากไม่พอดีแบบฟิต ระบบการชาร์จกับหน้าสัมผัสขนาดเล็กที่ข้างหูก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากับระบบแบตเตอรี่ได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ช่องเสียบสายชาร์จนั้น ถูกวางตำแหน่งไว้ที่ด้านล่างของเคส ซึ่งเมื่อเราต้องการชาร์จ ก็จะสามารถวางเคสแล้วไม่กลิ้งหล่นได้ และเมื่อถอดสายชาร์จแล้วถือไว้ในลักษณะเตรียมการใช้งานก็จะมองไม่เห็นช่องชาร์จแบบ USC-C นี้ นับได้ว่าเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงตำแหน่งของการใช้งานที่ดีพอสมควรเลยครับ
อีกเรื่องที่น่าสนใจของเคสชาร์จ นั่นคือปุ่มสำหรับกดเพื่อให้หูฟังอยู่ในโหมดการเชื่อมต่อ ซึ่งถูกซ่อนอยู่บริเวณสันของเคสที่เรียบเนียนไปกับตัวเคสเป็นอย่างดี เนื่องจากการกดปุ่มนี้เราไม่ได้ทำกันบ่อย ๆ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เปลี่ยนเครื่องก็จะแทบไม่ได้แตะปุ่มนี้กันเลย การออกแบบที่เรียบเนียนเช่นนี้ก็ทำให้ปุ่มไม่ไปลดทอนความสวยงามของตัวเคสลงนั่นเอง
ด้านหน้าของเคสนั้นนอกจากจะมี โลโก้ HUAWEI สีเทาให้เห็นเด่นชัดแล้ว เมื่อเปิดฝา ด้านล่างของโลโก้ จะแสดงไฟสถานะให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเมื่อกดเพื่อเชื่อมต่อครั้งแรกไฟจะแสดงสีขาว แล้วกระพริบตามลักษณะการใช้ ขณะที่เมื่อการเชื่อมต่อเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเปิดใช้ครั้งต่อไปไฟสถานะจะขึ้นสีเขียว ซึ่งก็ดูไม่ขัดตาดี เนื่องจากตัวเครื่องที่ผมได้มาทดสอบนั้นเป็นสีขาว Ceramic White นะครับ
ในส่วนของฝาเปิดนั้น เมื่อเทียบกับรุ่นโปร ก็อาจจะให้ความรู้สึกที่บอบบางกว่า อีกทั้งน้ำหนักของตัวเคสก็น้อยกว่า แต่กระนั้นแรงดีดของสปริงก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว ไม่ได้ดีดแรงอย่างที่รุ่นโปรเป็น โดยส่วนตัวก็ถือว่าแรงดีดกำลังดีนะครับ และเมื่อปิดไปแล้วก็ไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป ผมว่ากำลังพอดีเหมาะกับการใช้งานครับ
การออกแบบหูฟังนั้น ต้องยอมรับว่า การมีก้านที่ยาวลงมามากกว่ารุ่นโปร พร้อมๆกับการมีช่วงตัวไดร์เวอร์และลำโพงที่ยื่นออกมา แล้วครอบด้วยยาง เมื่อสวมใส่แล้วได้ความกระชับและไม่ลื่นหลุดง่าย มากกว่ารุ่นโปรที่ผมชอบเรื่องพลังเสียงก่อนหน้า เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนที่มีความมันที่หูอยู่พอสมควร ทำให้หูแบบอินเอียสามารถลื่นได้มากกว่าปกติ แต่รุ่นนี้ต้องยอมรับว่ามีการออกแบบให้เข้ากับร่องหูได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เราสามารถทำกิจกกรรมได้ทั้งวันโดยที่ไม่รู้สึกว่าหูฟังจะลื่นหลุด หรือรู้สักหนักหัวแต่อย่างใด
หูฟังในแต่ละหู จะมีระบบควบคุมบริเวณด้านหน้าของก้านหูเลย ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นโปรที่มีระบบควบคุมอยู่ทางด้านข้างของก้านหู แต่กระนั้น HUAWEI FreeBuds 4i รุ่นนี้ก็สามารถออกคำสั่งควบคุมได้แค่ 2 แบบเท่านั้น นั้นคือการแตะค้างและแตะ 2 ครั้ง แต่ก็สามารถแยกคำสั่งของแต่ละหูได้ ซึ่งก็สามารถตั้งค่าได้ผ่านแอปพลิเคชั่น AI Life ว่าหูไหนจะให้รับคำสั่งใดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งก็ถือว่าสะดวกในระดับหนึ่ง เพราะเชื่อว่าคนใส่หูฟังก็ไม่ได้อยากสัมผัสหูกันบ่อยๆเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะควบคุมผ่านมือถือซะมากกว่า
สเปก HUAWEI FreeBuds 4i
- น้ำหนักหูฟัง/ข้าง : ประมาณ 5.5 กรัม
- น้ำหนักเคสชาร์จ : ประมาณ 36.5 กรัม
- เซ็นเซอร์ : เซ็นเซอร์ระบบสัมผัสหูฟังทั้งสองข้าง
- ไดร์เวอร์ : ไดนามิคขนาด 10 มม.
- การเชื่อมต่อ
- Bluetooth ที่รองรับ: BT 5.2
- Pop-up pair: รองรับ
- Wear detection: รองรับ
*ใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนที่ติดตั้ง EMUI10 หรือใหม่กว่า
- ชนิดแบตเตอรี่: Lithium-ion polymer แบตเตอรี่
- ความจุแบตเตอรี่: ต่อหูฟังหนึ่งข้าง: 55 mAh
- ความจุแบตเตอรี่: เคสชาร์จ: 215 mAh
- เล่นเพลงต่อเนื่อง: 10 ชั่วโมง (เมื่อปิดระบบตัดเสียงรบกวน)
- เล่นเพลงต่อเนื่อง: 7.5 ชั่วโมง (เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน)
- โทรสนทนา: 6.5 ชั่วโมง (เมื่อปิดระบบตัดเสียงรบกวน)
- โทรสนทนา: 5.5 ชั่วโมง (เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน)
- การควบคุม : แตะสองครั้ง / แตะค้าง
- เทคโนโลยีเสียง : ระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และระบบตัดเสียงรบกวนขณะโทรสนทนา
การทดลองใช้งานจริง
เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก ผมได้ทำการเชื่อมต่อกับเครื่อง Huawei Mate 20X ซึ่งก็สามารถเชื่อมต่อได้โดยง่ายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่เชื่อมต่อแล้ว ผมก็ลองเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตของแอปเปิลในรุ่น iPad mini แต่ก็เป็นรุ่นที่นานแล้วพอสมควร ก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดเคสเพื่อจะใช้งานเครื่องก็จะเด้งข้อความเข้าไปที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่เราต้องการเชื่อมต่อกับหูฟังทันที
วิธีการเชื่อมต่อนั้นก็ไม่ยาก กดปุ่มที่ตัวเคสตรงบริเวณสันเคส ให้ไฟกระพริบสีขาวขึ้น แล้วทำการเปิดการค้นหาจากสมาร์ทโฟนที่ต้องการเชื่อมต่อ หลังจากนั้นเครื่องก็จะเจอกันแล้วทำการจับคู่ให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้ปกติในครั้งต่อไปเมื่อต้องการใช้ เพียงแค่เปิดฝาเคสขึ้น เครื่องสมาร์ทโฟนก็จะเด้งข้อความขึ้นมาว่าเชื่อมต่อแล้วทันที และหากใครที่ต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆด้วย ก็ทำตามขั้นตอนเดิมใหม่อีกครั้งก็เท่านั้นเองครับ ถือได้ว่าการเชื่อมต่อนั้นทำได้ง่ายเลยทีเดียว
ส่วนของการลงสวมหูฟังนั้นอย่างที่บอกก่อนหน้าแล้วว่า หูที่สวม สามารถสวมใส่ได้กระชับหูเป็นอย่างดี กระชับในทีนี้ไม่ใช่แน่นนะครับ เพราะถ้าแน่นจะทำให้ปวดหูจากแรงอัดลมได้เมื่อใส่ไปนาน ๆ ตัวยางครอบไดร์เวอร์ที่ติดเครื่องมานั้นผมเข้าใจว่าเป็นไซต์ M เพราะในกล่องที่แถมมาให้ด้วยจะเป็นขนาด L และ S นะครับ สำหรับคนที่รู้สึกว่ายางที่ติดตัวเครื่องมานั้นมันแน่นหรือหลวมก็สามารถเปลี่ยนตัวยางครอบได้ เอาว่าให้พอดีกับหูของเราครับ ไม่มีใครรู้ขนาดเท่ากับตัวเราเอง
ระดับเสียงของหูฟังนั้นถือว่ามีความใสอยู่พอตัว แต่คุณภาพเบสอาจจะไม่ได้หนักแน่นเท่ากับรุ่นตัวโปร เนื่องจากขนาดของไดร์เวอร์ที่เล็กกว่าเล็กน้อย (รุ่นนี้ขนาดไดร์เวอร์10มม. ขณะที่ตัวโปรเป็นแบบแม่เหล็ก 11 มม.) ซึ่งหลังจากที่ผมได้ลองเบิร์นหูราว 10 ชั่วโมงแล้ว เปิดเพลงจาก Joox ฟังระดับ HD ก็ให้ความใสของเสียงไม่น้อยหน้ารุ่นตัวโปรแต่อย่างใด แต่ในส่วนของพลังเบสนั้น การเปิดระบบ Noise Cancelling ก็อาจจะได้แรงเบสเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย หากใครที่ต้องการแรงกระแทกหูแบบเอามันส์ ก็อาจจะไม่ถูกใจแน่นอนครับ
ในส่วนของการควบคุมนั้นนับว่ามีความสะดวกดี เพราะไม่ต้องบีบก้านหูฟังเหมือนรุ่นโปร สามารถแตะเบาเบาที่ส่วนของด้านหน้าก้านหูได้เลย ทำให้เมื่อสั่งการแล้วเหมือนเป็นการกระชับหูไปในตัว การแยกคำสั่งของการแตะในละหู ก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นคำสั่งให้มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวที่ลองนั้นได้ลองแยก 1 หู เป็นการเลื่อนเพลงไปข้างหน้า และอีก 1 หู เป็นการหยุดเพลงหรือเล่นต่อ ขณะที่การสั่งเปิด-ปิดโหมดตัดเสียงรบกวน ซึ่งจะเป็นการแตะค้างวนไปมามีให้เลือก 3 โหมด 1.Awareness Mode 2.Noise Cancelling Mode และ 3. Off สามารถเลือกแตะค้างวนไปมาเพื่อเลือกโหมดที่ต้องการได้เลย
ระยะของการเชื่อมต่อหูฟังและอุปกรณ์นั้น ในส่วนตัวถือว่ายังทำออกมาได้ไม่ดี เนื่องจากระยะที่ได้เมื่อเดินห่างจากมือถือเพียง 3 เมตรจะเริ่มได้ยินเสียงขาดๆหายๆ แทบจะทันที ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นโปรที่มีเสาอากาศรับสัญญาณที่มากกว่านั้นยังถือว่าห่างรุ่นกันมากพอสมควร แนะนำว่าให้อยู่ใกล้เครื่องจะได้คุณภาพเสียงที่เต็มประสิทธิภาพมากกว่านะครับ
การทดลองออกใช้งานจริงในพื้นที่สัญญาณรบกวนเยอะก็ยังได้ติดเสียงค็อกแครกบ้างในบางครั้ง ซึ่งเมื่อเดินออกห่างบริเวณที่มีสัญญาณหนาแน่นก็ประสิทธิภาพกลับมาเหมือนเดิมครับ
เรื่องของระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่นั้น ต้องยอมรับว่า HUAWEI FreeBuds 4i เป็นอุปกรณ์คู่กลายที่นำไปใช้งานด้วยได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าใครจะชอบดูซีรี่ย์ระหว่างทาง หรือชอบฟังเพลงระหว่างวัน ก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ส่วนว่าจะได้กี่ชั่วโมงนั้น เอาเป็นว่าเมื่อใช้เต็มที่ทั้งวันแล้วขอให้กลับมาชาร์จเพื่อนำไปใช้งานในวันรุ่งขึ้นเป็นพอครับ เพราะถ้าไม่ชาร์จแล้วนำไปใช้อีกวัน โอกาสของประสิทธิภาพที่ไม่เต็มร้อยจะมีแน่นอน และแย่ที่สุดคือแบตหมดไม่มีให้เราใช้ทั้งวันนั่นเองครับ