WINMED ผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ เตรียมยกระดับสู่การเป็น Health Technology อย่างเต็มตัว วางเป้าระดมทุนสร้างแล็บตรวจมะเร็งแบบครบวงจรผ่านตลาด mai รองรับแผนการเจรจาเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าเทคโนโลยีทั่วโลกในอนาคต เตรียมประเดิมเปิดตัวชุดเก็บตัวอย่างมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเองที่บ้าน เชื่อตลาดมีความต้องการกว่า 13 ล้านคน คาดพลิกธุรกิจสู่ตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น เร่งความหวังคนไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีการรักษามะเร็งที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชั้นนำวิจัยการรักษาด้านเซลล์ต้นกำเนิดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED เปิดเผยว่า กว่า 27 หลังการวิจัยของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า ธุรกิจทางด้านการแพทย์ จะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง 1 ใน 10 ธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ผมก็เริ่มทำธุรทางด้านการแพทย์ที่มุ่งไปที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงมานับตั้งแต่นั้น จนตอนนี้ก็นานกว่า 27 ปี แล้ว ทำให้ธุรกิจทางการแพทย์ของเรามีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ได้ทุกส่วนของร่างกาย
ด้วยความชื่นชอบเทคโนโลยีเป็นการส่วนตัว วันนี้ความตั้งใจของผมคือการสร้างให้ วินเนอร์ยี่ เมดิคอล เป็นบริษัทผู้นำทางด้าน Health Technology ในประเทศไทย และอาจจะเป็น Health Technology บริษัทแรกเลยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยซ้ำไป เพราะเทคโนโลยีที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่และนำเข้ามา ยังไม่สามารถผลิตในประเทศไทยได้ ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เราเฟ้นหามาจากทั่วโลก
ด้วยความเชี่ยวชาญของเราที่สั่งสมประสบการณ์การทำธุรกิจทางการแพทย์มานาน สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 หมวดที่สำคัญ ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ด้วยเทคโนโลยีทางการรักษาที่แตกต่างกัน
1 กลุ่มธุรกิจด้าน Woman Health care หรือธุรกิจสุขภาพสุภาพสตรี โดยมีบริการหลักคือการตรวจมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเราทำมา 20 กว่าปี เป็นผู้บุกเบิกในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วิธีการตรวจที่ใช้ แปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test)แบบดั้งเดิมที่มีค่าความแม่นยำอยู่ที่ 50% มาเป็นแปปสเมียร์ ที่พัฒนาให้เป็น Mono Layer ทำให้การตรวจแม่นยำได้กว่า 80% ซึ่งเป็นการตรวจเชื้อเทคโนโลยีเดียวกับการตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยการตรวจถึงระดับชีวโมเลกุลของเชื้อ ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก ในประเทศไทยการตรวจหาเชื้อมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงกว่า 2 ใน 3 ที่เข้ามาตรวจ จะได้รับการตรวจโดยเราทั้งหมด คิดเป็นส่วนแบ่งราว 75%
2 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลหิต แบ่งเป็นการเก็บโลหิตด้วยเทคโนโลยี มีการบริหารจัดการการขาดแคลนโลหิต การบริหารจัดการผู้บริจาค เพื่อทำให้ผู้บริจาคกลับมาบริจาคซ้ำได้เป็นจำนวนมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมการเก็บส่วนประกอบของโลหิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลาสม่า เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง เป็นต้น ด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติทั้งหมด ซึ่งธุรกิจนี้เราครองตลาดอยู่ราว 30% ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทยมีทำอยู่เพียงแค่ 3 รายเท่านั้น
3 กลุ่มธุรกิจความปลอดภัยของเลือด เทคโนโลยีฆ่าเชื้อโลหิต ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำให้เกิดความปลอดภัยกับผู้รับให้มากที่สุดตามมาตรฐานระดับโลก จากเดิมที่มาตรฐานของกาชาดจะมีการตรวจหาเชื้อแค่ 4 ชนิด 1. HIV 2.ตับอักเสบ บี 3. ตับอักเสบ ซี และ 4.ซิฟิลิส ในขณะที่เชื้อโรคที่ติดต่อผ่านโลหิตได้มีเกือบๆ 50 ชนิด ทั้งเชื้อมาเลเรีย,ไข้เลือดออก,ซิกก้า ชิบุนกุนย่า เป็นต้น
โดยขั้นตอนของการนำโลหิตออกไปใช้อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียเกิดได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่ผู้รับ เราก็มีเทคโนโลยีที่ทำมาเกือบ 5 ปี เป็นเครื่องฆ่าเชื้อในระดับชีวโมเลกุลที่ครอบคลุมเชื้อหลายชนิด และก็เป็นสินค้าเดียวในโลกที่ผ่าน อย.ที่อเมริกา และก็ผ่าน อย.ของประเทศไทย ซึ่งทำให้เราไม่มีคู่แข่งในไทย เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และยังเป็นสินค้าที่ฆ่าเชื้อทั้งหมดในโลหิต โดยสินค้าตัวนี้ในช่วงโควิด ยังได้ถูกนำไปใช้ในการฆ่าเชื้อให้กับผู้บริจาคพลาสม่าได้อีกด้วย
4 กลุ่มธุรกิจเซลล์ต้นกำเนิด ความร่วมมือทางด้านวิจัยกับมหาวิทยาลัยทางด้านการแพทย์ในประเทศไทยหลายแห่งที่เราทำมานานกว่า 21 ปี โดยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทย เริ่มมีการนำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้ในการวิจัยเพื่อรักษาโรคมะเร็ง และล่าสุดก็มีข่าวว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่เป็นผู้ป่วยระยะ4 ได้รักษาหายด้วยวิธีการใช้เซลล์ต้นกำเนิดเข้าไปรักษา และคาดจะมีการขยายการวิจัยรักษาไปยังมะเร็งชนิดอื่นๆต่อไปในอนาคต
5 ธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นสินค้าด้านการรักษาสุขภาพสำหรับผู้บริโภค โดยจะเป็นสินค้าเฉพาะทาง เป็นเครื่องจับยุงและแมลงดูดเลือด ของเราเป็นที่เดียวในประเทศไทย ซึ่งสินค้าตัวนี้เราทำมา 20 กว่าปีเช่นเดียว เป็นการกำจัดที่มีประสิทธิภาพ เป็นการตัดวงจรของยุ่งและแมลงดูดเลือด มีทั้งแบบที่ใช้ในบ้าน และนอกบ้าน
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งตอนนี้มีที่ผ่านอย. และนำเข้ามาแล้ว อยู่ในขั้นตอนเตรียมทำการตลาด นั่นก็คืออุปกรณ์ช่วยกระชับอุ้งเชิงกราน ซึ่งจะเป็นสินค้าที่เข้ามาช่วยสุภาพสตรี ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ทำให้เกิดปัญหาปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะราด ซึ่งก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาตอบโจทย์ Pain Point ของผู้หญิงเช่นเดียวกัน
โดยหลักการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือการช่วยฝึกขมิบ ด้วยการวัดของเซ็นเซอร์ที่แม่นยำของน้ำหนักในการขมิบ โดยจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต คล้ายการเล่นเกม แต่จะมีการบันทึกข้อมูลจำนวนครั้ง ความถี่และการขมิบหนักเบาเอาไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้แพทย์ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลการฝึกขมิบของผู้ทำการรักษาได้ ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
Health Tech ที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้
ปัจจุบันผู้หญิงไทยกว่า 21 ล้านคนควรจะได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการรู้เร็วช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษที่มากขึ้น แต่กระนั้นด้วยวัฒนธรรมของการเหนียมอายเมื่อต้องพูดถึงเรื่องเพศ หรือการต้องไปขึ้นขาหยั่งให้หมอตรวจเช็คอวัยะเพศด้วยเครื่องมือพิเศษถูกมองเป็นเรื่องน่าอับอาย ทำให้ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปากมดลูกกว่าจะรู้ตัวก็คือเริ่มมีอาการ ซึ่งนั่นก็คือการเป็นระยะที่ 3 หรือ 4 แล้วนั่นเอง ทำให้โอกาสในการรักษาหายมีน้อยลง
ซึ่งจากตัวเลขแต่ละปีมีสัดส่วนของผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับการตรวจอยู่ราว 13-14 ล้านคน ทำให้เรามองตลาดนี้ว่ายังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก จึงได้คิดค้นชุดเก็บตัวอย่างเชื้อที่สามารถเก็บตัวอย่างเชื้อได้ด้วยตัวเองจากที่บ้าน แล้วทำการส่งกลับมาที่แล็บเพื่อทำการตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด แล้วรอรับผลการตรวจเชื้อโยที่ไม่ต้องไปพบแพทย์ให้วุ่นวาย ซึ่งหากมีการพบเชื้อทางแล็บก็จะสามารถให้คำปรึกษาเพื่อดำเนินการรักษาต่อไป โดยชุดเก็บตัวอย่างด้วยตนเองเพื่อตรวจมะเร็งปากมดลูกนั้น จะสามารถหาซื้อได้ในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะผ่านทางรพ. ทางคุณหมอ ร้านขายยา หรือแม้กระทั่งในแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วไปทำการเก็บตัวอย่างที่บ้านได้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้แล็บการตรวจหาเชื้อจากชุดตรวจนั้น ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการตรวจเชื้อโดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จและพร้อมเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปีหน้า
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Immunotherapy(ภูมิคุ้มกันบำบัด) ซึ่งได้รับการยืนยันว่าสามารถรักษามะเร็งเต้านมให้หายขาดได้ แต่ต้องมีการลงทุนเครื่องที่สูงมาก และยังต้องต้องห้องแล็บระดับ GMP และต้องมีความเชี่ยวชาญ ขณะที่การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดยังไม่รองรับทางกฏหมาย ซึ่งตามกฏหมายจะทำได้เพียงการวิจัยและทดลองในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนแพทย์เท่านั้น
เราจึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ใน 2 ที่ จุฬาและศิริราช โดยเป็นเทคโนโลยีเดียวในโลกที่สามารถคัดเลือกเซลล์ (Cell Processing Lab) ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องที่เมื่อเราใส่ตัวอย่างเซลล์เข้าไปพร้อมน้ำยา แล้วทำการโปรแกรมเครื่องให้ทำงานตามโปรโตคอลการรักษาที่ต้องการ แล้วเครื่องก็จะทำการประมวลผลและคัดเลือกเซลล์ต้นกำเนิดที่จำเป็นตามโปรโตคอลนั้นๆ ผลิตออกมาเป็นยาเพื่อการรักษามะเร็งต่อไป แต่ปัจจุบันการรักษาเช่นนี้ยังจำกัดอยู่เพียงแค่การวิจัยเท่านั้น
ปัจจุบันเรามองหาโอกาสของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ Pain Point ด้วยการตั้งทีมพัฒนาธุรกิจขึ้นมาเพื่อหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องหาคู่ค้าที่น่าเชื่อถือ ต้องขวนขวายค้นหาสินค้าใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ต้องตรวจสอบว่าเทคโนโลยีนั้นได้รับการยอมรับหรือยัง มีมาตรฐานรองรับหรือยัง แต่การที่เราทำสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงก็ทำให้เรามีคู่แข่งน้อย ส่วนใหญ่เราเสนอไปก็ได้รับการตอบรับที่ดี แต่คู่ค้าเองต้องการพันธมิตรที่มีความน่าเชื่อถือที่ดีเช่นกัน ซึ่งซัพพลายเออร์ก็จะดูความสามารถของเราว่าเราเลือกผู้ซื้อได้เหมาะสมหรือไม่นั่นเอง
ซึ่งการเริ่มเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็เพื่อเป็นการยกระดับให้เรามีความน่าเชื่อที่มากขึ้น อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ มีการลงทุนที่สูง ในจุดนี้จะช่วยในการจัด matching เพื่อจับคู่กับลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ขณะที่ในธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์เองก็ต้องใช้เงินในการลงทุนพอสมควร สายป่านก็สำคัญ เครดิตกับธนาคารก็สำคัญ การเข้าตลาด mai จึงเป็นการเสริมความน่าเชื่อในหลายๆด้านให้กับเราในทำธุรกิจ และยังเป็นการปูทางไปสู่การเป็นผู้นำ Health Tech ของเราต่อไปในอนาคตด้วย
