รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส มอบหมาย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เร่งกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นทั่วไทย ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลโซลูชัน แก้ไขปัญหาและบริหารจัดการธุรกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ เตรียมพร้อมสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ และรับมือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นำร่อง 4 จังหวัดภาคกลาง พร้อมตั้งเป้าขยายผลความสำเร็จสู่ 300 ชุมชนทั่วประเทศ
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้โดยง่าย และสะดวกต่อการใช้งานของประชาชนฐานราก พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เร่งกระจายความเจริญสู่ชุมชนในชนบท ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจากดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เชื่อถือได้ นำร่องด้วยการบูรณาการการทำงานกับ 4 จังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ประกอบด้วยจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี
“ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายผลการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในชนบทเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการธุรกิจ ลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย ดูแลผลผลิต คนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เตรียมพร้อมสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ หลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คลี่คลาย”
“ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ตั้งเป้าขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่ 300 ชุมชนทั่วประเทศ นอกจากนี้ ดีป้า ยังได้ผลักดันโครงการที่ขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่าง ๆ จากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 900 โครงการ เกิดมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่า 20,000 ล้านบาท”

ขณะที่ ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี ดีป้า อนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับชุมชนในชนบทในพื้นที่ภาคกลางไปแล้ว 22 ชุมชน และมีแผนที่จะขยายผลสู่จังหวัดอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมตั้งเป้าผลักดันให้ชุมชนทั่วประเทศประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทั้งสิ้น 65 ชุมชนในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจได้กว่า 115 ล้านบาท
“ดีป้า มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนคิดและเลือกสรรเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง ทั้งเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อการเกษตรและปศุสัตว์อัจฉริยะ เทคโนโลยี IoT ในกระบวนการแปรรูปผลผลิต โดรนเพื่อการเกษตร ดิจิทัลแพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชัน ฯลฯ ก่อนนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อความยั่งยืนของชุมชน ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้คนไทย ‘think faster and live better’ ปูทางสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ เพื่อความอยู่ดีมีสุขแก่ภาคประชาชน รองรับการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป”
ทั้งนี้โครงการส่งเสริมดังกล่าว จะช่วยเหลือการรวมกลุ่มของชุมชนในพื้นที่นั้น ๆ ราว 10 หลังคาเรือนเป็นต้นไป เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ในหลากหลายมิติ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถส่งเสริมให้เกิดรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นราว 3-10% จากการนำดิจิทัลเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ ซึ่งการส่งเสริมดังกล่าว จะปรับเปลี่ยนตามต้องการของแต่ละชุมชนที่แตกต่างกัน
ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจังหวัดนนทบุรี ทั้ง 5 เป้าหมายหลักของการพัฒนา ซึ่งเป็นแผนรวมของยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย ยังอยู่ในขั้นตอนการบ่มเพาะ ซึ่งหลังจากผ่านขั้นตอนการบ่มเพาะแล้วจะเริ่มดำเนินการตามแผนการของจังหวัดต่อไป ซึ่งอาจจะไม่ใช่การพัฒนาทั่วทุกพื้นที่ทั้งจังหวัด
อนึ่งโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจังหวัดนนทบุรี ประเภทเมืองอัจฉริยะ: เมืองเดิมน่าอยู่ (Livable City) ดำเนินการโดย: จังหวัดนนทบุรี ในพื้นที่: จังหวัดนนทบุรี ลักษณะเมืองอัจฉริยะ: Smart Environment และ Smart Mobility โดยได้รับมอบใบประกาศเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 และเป็นหนึ่งใน 27 เขต ของ 21 จังหวัด จาก 5 ภูมิภาค ที่ได้เข้าร่วมโครงการ