ไอบีเอ็ม (NYSE: IBM ) เข้าซื้อกิจการ Envizi ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ดาต้ าและอนาไลติกส์ชั้นนำสำหรับบริ หารจัดการการดำเนินการด้านสิ่ งแวดล้อม ต่อยอดการเดินหน้าลงทุนด้ านซอฟต์แวร์ AI อย่างต่อเนื่องของไอบีเอ็ม ที่ปัจจุบันครอบคลุมโซลูชันด้ านการบริหารจัดการสินทรัพย์องค์ กรIBM Maximo, โซลูชันการจัดการด้านซัพพลายเชน IBM Sterling, รวมถึงIBM Environmental Intelligence Suite เพื่อช่วยองค์กรสร้างระบบปฏิบั ติการและซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่ นฟื้นตัวไว และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน โดยการเข้าซื้อกิจการได้สำเร็ จเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา และไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอี ยดด้านการเงิน
วันนี้บริษัทต่างได้รับแรงกดดั นที่เพิ่มขึ้นจากหน่วยงานที่ กำกับดูแล นักลงทุน และผู้บริโภคในแง่การดำเนินธุ รกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิ ดชอบต่อสังคม รวมถึงการลงมือดำเนินมาตรการต่ างๆ อย่างจริงจังและตรวจสอบได้ โดยเรื่องของ CSR และความเสี่ยงเกี่ยวกับความยั่ งยืนของสิ่งแวดล้อม เป็นความกังวลสูงสุดอันดั บสามขององค์กรขนาดใหญ่ ตามรายงานปี 2564 ของฟอร์เรสเตอร์ อย่างไรก็ดี ในการจะจัดทำรายงานเกี่ยวกั บโครงการด้านความยั่งยืน มีข้อมูลมากมายหลายประเภทที่ องค์กรจำเป็นต้องวิเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้ยั งกระจัดกระจาย และไม่เอื้อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ ยวข้องเข้าถึงได้ง่ายนัก
ทั้งนี้ ซอฟต์แวร์ของ Envizi สามารถออโตเมทและผนวกรวมข้ อมูลกว่า 500 ประเภท รวมถึงสนับสนุนเฟรมเวิร์ คการรายงานด้านความยั่งยืนหลักๆ ได้ โดยแดชบอร์ดที่ใช้งานและปรับแต่ งได้ง่าย ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ บริหารจัดการ และรายงานเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้ อมต่างๆ พร้อมวิเคราะห์โอกาสและประเมิ นความเสี่ยงด้านความยั่งยืนได้ โซลูชันของEnvizi จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กั บการบริหารจัดการภาระงานที่เป็ นส่วนหนึ่ งของการรายงานโครงการด้านสิ่ งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ขององค์กร ขณะเดียวกันก็ให้มุมมองด้ านความยั่งยืนที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำไปปรั บเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กรได้
หน้าจอ Pathway to Net Zero ของ Envizi แสดงผลการวิเคราะห์ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พร้อมคำแนะนำการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero
การใช้ Envizi ร่วมกับซอฟต์แวร์ AI อื่นๆ ของไอบีเอ็ม จะช่วยให้องค์ กรสามารถออโตเมทผลลัพธ์ระหว่ างโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ กับเอ็นด์พอยท์ด้านการปฏิบัติ การต่างๆ ที่ใช้ในการดำเนินงานในแต่ละวั นขององค์กรได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่ วยขยายโครงการด้านความยั่งยื นในวงกว้างขึ้นได้ โดยปัจจุบัน Envizi สามารถทำงานร่วมกับโซลูชันต่างๆ ดังนี้
โซลูชันด้านการบริหารจัดการสิ นทรัพย์องค์กรIBM Maximo ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถบริ หารจัดการ มอนิเตอร์ รวมถึงคาดการณ์การซ่อมบำรุ งและประสิทธิภาพการทำงานของเครื่ องจักรต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดจากแพลตฟอร์มเดี ยว ช่วยยืดอายุเครื่องจักรสำคัญๆ พร้อม และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
โซลูชันการจัดการด้านซัพพลายเชน IBM Sterling ที่ช่วยให้มุมมองด้านซั พพลายเชนรอบด้านแก่องค์กร ลดขยะด้วยการควบคุมปริมาณสินค้ าคงคลังให้เหมาะสม ลดคาร์บอนฟุตปรินท์จากการขนส่ งสินค้าทางเรือและโลจิสติกส์ต่ างๆ รวมถึงช่วยให้องค์กรจัดซื้อสิ นค้าอย่างมีความรับผิดชอบผ่ านระบบบล็อกเชนที่ตรวจสอบที่ มาของสินค้าได้
โซลูชัน IBM Environmental Intelligence Suite (EIS) ที่ช่วยให้องค์กรเพิ่มความยื ดหยุ่นฟื้นตัวไว ผ่านการประเมินและวางแผนรองรั บผลกระทบจากสภาพอากาศเลวร้าย ดินถล่ม น้ำท่วม ฯลฯ ที่มีต่อการปฏิบัติการ สินทรัพย์ และระบบซัพพลายเชนขององค์กร โดย EIS ใช้เทคโนโลยี AI ที่ก้าวล้ำ ร่วมกับเทคโนโลยี สภาพอากาศจากไอบีเอ็ม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพยากรณ์ อากาศที่แม่นยำที่สุด ในโลกในปั จจุบัน2
IBM Turbonomic และ Red Hat OpenShift ที่ช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้อั ตโนมัติเมื่อต้องพิจารณาว่ าควรรันเวิร์คโหลดขององค์กรที่ ไหน หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้ งในมุมประสิทธิภาพ ต้นทุน และการลดการปล่อยคาร์บอน
นอกจากนี้ Envizi ยังจะช่วยสนับสนุนการให้คำปรึ กษาด้านความยั่งยืนของ IBM Consulting เพื่อช่วยให้ลูกค้าเดินหน้าสู่ เป้าหมายพันธะสัญญาด้านความยั่ งยืนอย่างประสบความสำเร็จ
หน้าจอ Sustainability Report ของ Envizi แสดงการวิเคราะห์และรายงานการปล่อยก๊าซคาร์บอนขององค์กร
“ในการจะขับเคลื่อนความก้าวหน้ าด้านความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้ อย่างแท้จริงนั้น องค์กรต้องมี ความสามารถในการทรานส์ฟอร์มข้ อมูลให้เป็นมุมมองเชิงลึก เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่ างชาญฉลาดและลงมือดำเนินการได้ จริง” ดร.คารีม ยูซุฟ กรรมการผู้จัดการของ IBM AI Applications กล่าว “ซอฟต์แวร์ของ Envizi ช่วยให้องค์กรมีแหล่งข้อมู ลความจริงหนึ่งเดียวสำหรับการวิ เคราะห์และทำความเข้าใจข้อมู ลการปล่อยมลพิษของระบบปฏิบัติ การทั้งระบบ โดย Envizi จะเข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิ โอเทคโนโลยีเอไอที่กำลังเติ บโตของไอบีเอ็ม เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้ างระบบปฏิบัติการและซั พพลายเชนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”
Envizi พร้อมให้องค์กรใช้งานทั้งในรู ปแบบโซลูชัน SaaS และการใช้งานบนสภาพแวดล้อมแบบ multi-cloud โดยปัจจุบันมีองค์กรชั้นนำอย่าง Microsoft, Qantas, CBRE, Uber, abrdn และCelestica เลือกใช้ Envizi อีกทั้งยังสามารถนำซอฟต์แวร์นี้ ไปใช้ได้กับกิจกรรมในอุ ตสาหกรรมต่างๆ อีกมากมาย
“ไอบีเอ็ม เป็นผู้นำและผู้สร้ างนวัตกรรมเอไอสำหรับธุรกิจ และมีประสบการณ์ ยาวนานหลายทศวรรษในการช่วยให้ องค์กรทั่วโลกสามารถใช้ประโยชน์ จากพลังของข้อมูลและนำมุมมองที่ ได้มาใช้ประโยชน์” นายเดวิด โซลสกี ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Envizi กล่าว”ความสามารถในการเข้าถึ งทรัพยากรระดับโลกในเชิงลึก รวมถึงความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุ มหลากหลาย จะช่วยให้เราสามารถสเกลได้อย่ างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในฐานะส่วนหนึ่งของไอบีเอ็ม เรามั่นใจมากกว่าครั้งไหนๆ ว่าเราจะสามารถบรรลุเป้ าหมายในการเป็นเครื่องมือระดั บโลกที่ลูกค้าและพันธมิตรต่างๆ ต้องการ รวมทั้งช่วยให้องค์กรเหล่านี้ ลดผลกระทบจากการดำเนินงานและปรั บปรุงระบบปฏิบัติการให้ดีขึ้น เพื่อการปล่อยคาร์บอนที่ ลดลงในอนาคต”
นอกเหนือจากการลงทุนเพื่ อนำเทคโนโลยี AI ที่มีความครอบคลุมที่สุดเข้าช่ วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่ งยืนและสิ่งแวดล้อมของลูกค้าแล้ ว ไอบีเอ็ม เองก็ได้ใช้ซอฟต์แวร์ เหล่านี้ภายในองค์กรเพื่อเพิ่ มประสิทธิภาพการดำเนินงาน บริหารจัดการการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้พันธะสัญญาในการลดการปล่ อยก๊าซเรือนกระจกเหลือศูนย์ ภายในปี 2573
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https:// www.ibm.com/sustainability/ solutions