บล.บัวหลวง บริการเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ ‘Omnibus’ สะดวก ง่าย มั่นใจ

บล.บัวหลวง บริการเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ ‘Omnibus’ สะดวก ง่าย มั่นใจ

บล.บัวหลวง

หลักทรัพย์บัวหลวง พร้อมให้บริการเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์รูปแบบใหม่ Omnibus ครบ จบ เรื่องกองทุนรวมในที่เดียว ชูสโลแกน “สะดวก ง่าย มั่นใจ” ซื้อขายกองทุนรวมได้ 17 บลจ.ชั้นนำ มีกองทุนรวมให้เลือกกว่า 1,000 กองทุน ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming Fund+ ด้านรายงาน BLS Top Funds แนะนำลงทุนกองทุนรวมหุ้น Value รับเศรษฐกิจฟื้นตัวและดอกเบี้ยขาขึ้น

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนรวมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน เพราะมีมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ คอยดูแล รวมถึงสามารถกระจายการลงทุนได้หลากหลายหลักทรัพย์ และใช้เงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อย บริษัทจึงอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุน ด้วยการเปิดให้บริการซื้อขายกองทุนรวมแบบ ไม่เปิดเผยชื่อผู้ถือหน่วยลงทุน (Omnibus Account) นอกเหนือจากการเปิดให้บริการซื้อขายกองทุนรวมแบบระบุชื่อ ผู้ถือหน่วยลงทุน (Segregate Account) เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนรวมจาก 17 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำ ที่มีกองทุนรวมให้เลือกกว่า 1,000 กองทุน ผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้สโลแกน “สะดวก ง่าย มั่นใจ”

สำหรับจุดเด่นของการเปิดบัญชีกองทุนรวมแบบ Omnibus มีด้วยกันหลากหลายข้อ เช่น

1. เปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์เพียงครั้งเดียวสามารถลงทุนได้หลากหลายบลจ. ไม่ต้องกรอกฟอร์มขอเปิดเลขที่ผู้ถือหน่วยในกรณีซื้อ กองทุนรวมจากหลาย ๆ บลจ.

2. ผู้ลงทุนสามารถให้ข้อมูลด้านการลงทุน, ติดตามข้อมูลผลการดำเนินงาน หรือขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่าง ๆ กับสถาบันการเงินที่ใช้บริการเพียงแห่งเดียวไม่ต้องกรอกข้อมูลหลายแบบฟอร์ม โดยสถาบันการเงินจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ตามที่ผู้ลงทุนมอบหมายไว้ในสัญญาตอนเปิดบัญชีกองทุนรวม

3. สถาบันการเงินที่ผู้ลงทุนใช้บริการจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวไว้ไม่เปิดเผยกับบลจ. อื่น ๆ เพราะบัญชี Omnibus จะรวบรวมข้อมูลของผู้ลงทุนไว้ในที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทุนและสร้างความมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะไม่รั่วไหลและมีความปลอดภัยสูง

ทั้งนี้ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อกองทุนรวมผ่านหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ง่าย ๆ ทั้งแบบ Omnibus และSegregate ควบคู่กันไปได้ ซึ่งข้อดีของการเปิดบัญชีกองทุนรวมกับหลักทรัพย์บัวหลวงมีด้วยกันหลากหลายข้อ เช่น

1. ซื้อ ขาย สับเปลี่ยน และติดตามผลการลงทุนได้ในแอปพลิเคชันเดียว Streaming Fund+

2. ดูรายงานภาพรวมการลงทุนทุกสินทรัพย์ที่ลงทุนผ่านหลักทรัพย์บัวหลวงได้จากรายงาน Consolidated Portfolio

3. ซื้อขายกองทุนรวมได้ครอบคลุม 17 บลจ. ชั้นนำ

4. อัปเดตมุมมองการลงทุนทุกสัปดาห์ด้วยรายงาน BLS Top Funds

5. มีบริการจัดพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมาย เพื่อให้การวางแผนการเงินเป็นเรื่องง่าย

6. ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

“บัญชีกองทุนรวมแบบ omnibus ให้ความสะดวกสบายกับผู้ลงทุนในด้านของการติดต่อกับหลักทรัพย์บัวหลวงที่เดียวจบได้ในเวลาอันรวดเร็ว และหากผู้ลงทุนต้องการลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี ซึ่งต้องมีการเปิดเผยข้อมูลกับกรมสรรพากร ก็สามารถเปิดบัญชีแบบตรงกับ บลจ. ผ่านหลักทรัพย์บัวหลวงเพิ่มเติมได้เช่นกัน” นายบรรณรงค์ กล่าว

ด้านนายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน หลักทรัพย์บัวหลวง กล่าวถึง ภาพรวมการลงทุนกองทุนรวมว่า ในช่วงนี้ตลาดมีแนวโน้มผันผวนจากความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยดังกล่าวรายงาน BLS Top Funds แนะนำให้ผู้ลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเติบโต (Growth Stock) เช่น กองทุนรวมหุ้นเทคโนโลยี และให้เน้นลงทุนในกองทุนรวมหุ้นคุณค่า (Value Stock) มากขึ้น เพราะราคาถูก, มีปันผล และมีรายได้กำไรที่แน่นอนแม้การเติบโตอาจไม่สูงมากนัก

“BLS Top Funds แนะนำให้ปรับพอร์ตตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ลดสัดส่วนในกองทุนรวมหุ้นเติบโตสูง เช่น กองทุนรวมกลุ่ม ARK และBaillie Gifford ที่ยังต้องคาดหวังการเติบโตของกำไรในอนาคต, มีความไม่แน่นอนสูง และได้ประโยชน์จากช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ฉะนั้นผู้ลงทุนอาจต้องปรับพอร์ตหันมาเน้นลงทุนที่มีความแน่นอน และมีผลตอบแทนที่เห็นชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นหุ้น Value จึงตอบโจทย์ในช่วง 1-2 ปีนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจต้องรอให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นแล้ว 1-2 ครั้งค่อยเริ่มเข้าลงทุน แต่หากสนใจลงทุนควรเน้น หุ้นขนาดใหญ่ที่มีกำไรรายได้ชัดเจน เช่น B-INNOTECH ที่ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่, มีความสามารถในการแข่งขัน, มีความแน่นอนเรื่องรายได้กำไร หรือBCAP-USND100 ที่ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีอ้างอิงตามดัชนี NASDAQ 100 กระจายลงทุนในหุ้นเทคโนโลยชั้นนำ 100 บริษัท” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

สำหรับการลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศในกลุ่มหุ้น Value แนะนำกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) หรือกองทุน SCBPGF กองทุนรวมดังกล่าวจะมีการปรับพอร์ตทุก 3 เดือน และเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยจะคัดเลือก 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีค่าเฉลี่ยของ CROCI Economic P/E ต่ำที่สุด จาก 9 อุตสาหกรรม เช่น กลุ่ม Utilities, Healthcare และConsumer Staples ซึ่งกลุ่มนี้มีรายได้มั่นคง, กระแสเงินสดดี และราคาหุ้นไม่แพง

ส่วนการลงทุนกองทุนรวมหุ้นไทยในกลุ่ม Value ที่มีราคาถูก แนะนำกองทุนเปิดบัวหลวงธนคม หรือกองทุน BTK ที่เน้นลงทุนในกลุ่มธนาคารและกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น โดยกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin หรือ NIM) ที่สูงขึ้น ซึ่งผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการมีความเสี่ยงจากการลงทุนหุ้นรายตัวสามารถกระจายการลงทุนมาในกองทุนรวมนี้ได้

นอกจากนั้นยังแนะนำกองทุนเปิดเคดับบลิวไอ ยูเอส แบงค์ อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (ชนิดสะสมมูลค่า) หรือกองทุน KWI USBANK-A ที่เน้นลงทุนในหุ้นธนาคารขนาดใหญ่และกลางในสหรัฐฯ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงอย่างชัดเจน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ดีกว่าไทยหากผู้ลงทุนต้องการโฟกัสในหุ้นกลุ่มธนาคารถือเป็นอีกกองทุนรวมที่น่าสนใจ

Related Posts