เตรียมส่องเทคโนโลยี L2+ ที่คาดว่าจะมีอยู่ใน ORA Grand Cat และ TANK 500 HEV จากค่าย GWM ในงาน Motor Expo 2022

เตรียมส่องเทคโนโลยี L2+ ที่คาดว่าจะมีอยู่ใน ORA Grand Cat และ TANK 500 HEV จากค่าย GWM ในงาน Motor Expo 2022

ORA Grand Cat

งาน Motor Expo 2022 ที่กำลังจะถึงนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เตรียมนำ ORA Grand Cat และ TANK 500 HEV เข้ามาให้ยลโฉมอีกครั้ง ซึ่งแว่วว่าได้เตรียมการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นจริงจังแล้ว แต่เป็นรุ่นย่อยอะไรบ้างนั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด วันนี้ TheReporterAsia จึงอยากค้นหาว่าเทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ในรถทั้ง 2 รุ่นนี้มีอะไรบ้าง เพื่อให้ผู้ชมได้รับรู้ก่อนไปชมตัวจริงกันได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 (The 39th Thailand International Motor Expo 2022) หรือร่วมชม LIVE สด บรรยากาศการแถลงข่าวเปิดบูธ พร้อมกันทั่วประเทศได้ทาง Facebook หรือ YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand และ GWM Application ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.35 – 13.15 น.

ORA Grand Cat เหมียวไฟฟ้าสุดหรู

ORA Grand Cat หรืออีกชื่อในประเทศจีนคือรุ่น ORA Lightning Cat รถยนต์ไฟฟ้าซีดาน 4 ประตู ที่ออกแบบมาด้วยความหรูหราและใหญ่โตมากกว่า ORA รุ่นไหน ๆ ด้วยรูปร่างแบบคูเป้ 5 ที่นั่ง เหนือชั้นด้วยแนวหลังคาที่โค้งลงมาจรดท้ายรถ ภายใต้แนวคิดของการออกแบบให้พื้นผิดเรียบ โค้งมน และมินิมอล ซึ่งทุกรุ่นย่อยที่จำหน่ายในประเทศจีนจะมีหลังคากระจกพาโนรามิคเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และหากจำกันได้ทีมออกแบบของ ORA นั้นก็เคยเป็นทีมออกแบบเดียวกับรถยนต์สปอร์ตหรูอย่าง Porsche ทำให้กลิ่นไอของ Porsche ยังคงติดตัวมายังแบรนด์ไฟฟ้า ORA Grand Cat อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากการออกแบบตัวรถให้มีความลงตัวอย่างหรูหราแล้ว การจัดเต็มเทคโนโลยีของค่าย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ก็เป็นอีกหนึ่ง ORA ทำได้ดีเมื่อเข้ามาในเมืองไทยนับตั้งแต่รุ่นแรก ๆ โดย ORA Grand Cat คาดว่าจะยังคงมีระบบช่วยขับเช่นเดียวกับที่วางจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งเป็นระบบเทียบเท่าระดับ L2+ ตามมาตรฐานรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ SAE หรือ Society of Automotive Engineers ได้วางไว้ 6 ระดับ ซึ่ง ORA Grand Cat จะอยู่เหนือระดับ L2 ที่มีระบบช่วยควบคุมการขับบางส่วนขึ้นมาเล็กน้อย

ซึ่งจะมีทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS โดยจะทำงานประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า โดยรถจะลดความเร็วลงและหยุดตามคันหน้า และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวหลังจากเบรคภายใน 3 วินาที รถจะเคลื่อนตัวตามคันข้างหน้าอัตโนมัติ โดยจะมีระยะห่างการติดตาม

ผสานกับการทำงานของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ซึ่งจะทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ควบคู่กับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ซึ่งจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ ช่วยให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่

ORA Grand Cat

ในด้านของการต้องหยุกฉุกเฉิน ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีทีสุดในระดับ L2+ ที่มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนน และทางแยก โดยรถจะคำนวณระยะทางระหว่างรถและคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติ ช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก อีกทั้งยังมีระบบการเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ ด้วยการใช้เรดาร์ตรวจสิ่งกีดขวางทั้งที่หยุดนิ่งหรือคนเดินถนนที่เคลื่อนที่ในแนวถอยจอด และหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเบรคให้อัตโนมัติ โดยความเร็วขณะถอยจะไม่ต้องเกิน 8 กม./ชม.

และเมื่อผู้ขับเกิดการเมื่อยล้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) จะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลนโดยอัตโนมัติ ด้วยการระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถ เมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถกลับมาอยู่ในเลนทันที อีกทั้งเมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง ซึ่งจะทำงานควบคู่กับระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้น เมื่อผู้ขับขี่มีอาการจาม อ่อนล้า ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะแจ้งเตือนโดยทันที

ซึ่งระบบย่อยของการควบคุมรถให้อยู่ในเลนอย่างปลอดภัยยังมีระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) เพื่อช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลนตลอดเวลา และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน และนอกจากนี้ ORA Grand Cat ยังมีระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว​ ซึ่งในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ

ทั้งนี้เมื่อมีการใช้งานระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) จะมีระบบการเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) ทำงานควบคู่ไปด้วย โดยจะมีกล้องที่ทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และปรับความเร็วแบบอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เพื่อช่วยให้การออกตัวจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง

ORA Grand Cat

นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด
4 Megapixel ซึ่งระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถเท่านั้น

และยังมีไฮไลต์ของเทคโนโลยีที่สำคัญอย่าง ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ซึ่งจะใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยควบคุมรถอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อกดยืนยันระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง จนจบกระบวนการจอด

ขณะการถอยหลังยังมีระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) โดยจะมีเซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

อีกทั้งยังมีระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เพื่อช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ที่เกิดขึ้นกับรถ เช่นมุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบบัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับรถมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้น ซึ่งรถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพักเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง

TANK 500 HEV

TANK 500 HEV

แบรนด์ TANK ที่คาดว่าจะเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่แต่เดิมเป็นเพียงรุ่นย่อยที่ชื่อว่า WEY ของแบรนด์ GWM เท่านั้น ด้วยความโดดเด่นของรูปทรงขนาดใหญ่สไตล์เอสยูวีขาลุยสายพันธุ์แท้ของออฟโรด ที่มาพร้อมความแข็งแกร่ง บึกบึน ผสานกับการออกแบบที่พรีเมียม หรูหรา และเอนกประสงค์ในการใช้งานได้อย่างลงตัว โดยมีการเปิดตัวครั้งแรกในจีนเมื่อปลายปี 2021 ที่ผ่านมา

TANK 500 HEV รถเอสยูวีไฮบริด 7 เตรียมจะมาปรากฎตัวอีกครั้งในงาน งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 (The 39th Thailand International Motor Expo 2022)ที่จะถึงนี้ และเช่นเดียวกัน TANK 500 HEV จะยังคงมีเทคโนโลยีช่วยขับที่ไม่น้อยหน้า แบรนด์ย่อยอื่นๆ ของ GWM และยังเพิ่มความแตกต่างด้วยบันไดข้างที่สามารถยืด-หดได้ด้วยไฟฟ้า ช่วยให้การก้าวขึ้นตัวรถเป็นไปด้วยความสะดวก โดยไม่ต้องดูเทอะทะเมื่อไม่ต้องการใช้งานขณะขับขี่

TANK 500 HEV

TANK 500 HEV

โดยนอกจากการไปชมตัวจริงทั้ง 2 รุ่นที่เป็นไฮไลต์สำคัญกันได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 (The 39th Thailand International Motor Expo 2022)ณ เมืองทองธานีแล้ว ยังสามารถร่วมชม LIVE สด บรรยากาศการแถลงข่าวเปิดบูธ พร้อมกันทั่วประเทศได้ทาง Facebook หรือ YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand และ GWM Application ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.35 – 13.15 น.นี้อีกด้วย

Related Posts