คปภ. ผนึกพลัง กนอ. ลงนาม MoU ปูพรม ประกันภัย พ.ร.บ. เชิงรุก

คปภ. ผนึกพลัง กนอ. ลงนาม MoU ปูพรม ประกันภัย พ.ร.บ. เชิงรุก

ประกันภัย พ.ร.บ.

คปภ. เดินหน้าต่อเนื่อง จับมือ กนอ. ร่วมบูรณาการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสิทธิประโยชน์ ด้านการ ประกันภัย พ.ร.บ. ตามข้อกฎหมาย เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับจากกการทำ ประกัยภัย พ.ร.บ. ตามเป้าหมายโครงการรณรงค์เชิงรุกการทำประกันภัย พ.ร.บ. อย่างยั่งยืน

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากปี 2565 สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการโครงการรณรงค์เชิงรุกการทำประกันภัย พ.ร.บ. อย่างยั่งยืน เพื่อรณรงค์และส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ รับรู้ถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับจากการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ.

และได้มีการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ โดยได้รับเกียรติจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการฯ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ต่อมาได้มีการขยายการดำเนินงานในทางปฏิบัติสู่ระดับภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานในพื้นที่นำร่องภายในนิคมอุตสาหกรรม โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการและพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ด้าน รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าการ กนอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่มาโดยตลอด เพราะเล็งเห็นว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะนํามาถึงการสูญเสียที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัย

ดังนั้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมผนึกความร่วมมือกับสำนักงาน คปภ. ในการเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และผลักดันให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถทุกคันในนิคมอุตสาหกรรมมีการจัดทำ ประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตต่อตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม

โดยในปีนี้กำหนดเจาะกลุ่มเป้าหมายที่นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมทั้งสามแห่งมีโรงงาน จำนวน 496 แห่ง คนงาน จำนวน 133,000 คน รถยนต์ จำนวน 13,500 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 18,000 คัน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทาง

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและบูรณาการผลักดันให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถและผู้ครอบครองรถในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมีการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. อย่างยั่งยืนในหลากหลายมิติ สำนักงาน คปภ. และ กนอ. ได้กำหนดกรอบการดำเนินงานร่วมกัน 2 แนวทางหลัก ๆ คือ แนวทางแรก ความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประกันภัย พ.ร.บ. และบทบาทหน้าที่ของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม

รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นของการทำประกันภัย พ.ร.บ. อาทิเช่น ประโยชน์ของการทำประกันภัย พ.ร.บ. บทลงโทษจากการฝ่าฝืนไม่จัดทำประกันภัย พ.ร.บ. นอกจากนี้จะมีการประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตระหนักถึงความปลอดภัย ให้ความร่วมมือกับรัฐในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้ระบบประกันภัย พ.ร.บ. เป็นเครื่องมือ

แนวทางที่สอง ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร และประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสนับสนุนงานวิชาการด้านประกันภัย พ.ร.บ.

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้มีการดำเนินงานในการขับเคลื่อนด้านประกันภัย พ.ร.บ. ในหลากหลายมิติอย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองตามประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม โดยในปัจจุบันหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 504,000 บาท หรือ กรณีได้รับบาดเจ็บต่อร่างกาย จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 84,000 บาท การขยายช่องทางการจำหน่ายประกันภัย พ.ร.บ. ให้ประชาชนสามารถซื้อหรือต่อประกันภัย พ.ร.บ. ที่สะดวกยิ่งขึ้น ได้แก่ ช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียน และเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7-11 นอกเหนือจากการซื้อผ่านตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย เป็นต้น

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีระยะเวลา ความคุ้มครองระยะยาว 3 – 5 ปี
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือก รวมถึงให้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยกรณีซื้อประกันภัย พ.ร.บ. ระยะยาว เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมีการทำประกันภัย พ.ร.บ. ระยะยาวสำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นประเภทรถที่มีการใช้งานเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ตลอดจนช่วยลดจำนวนการขาดต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล ผ่านระบบสารสนเทศในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับก่อนชำระภาษีรถยนต์ประจำปี

เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. ให้กับประชาชนที่มาใช้บริการต่อภาษีรถ การบูรณาการความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประกันภัย พ.ร.บ. ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เป็นต้น

“การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง สำนักงาน คปภ. กับ กนอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการ
บูรณาการความร่วมมือในการทำงานแบบเชิงรุกอย่างเป็นระบบ โดย กนอ. ถือเป็นพื้นที่นำร่องที่สำคัญที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงาน คปภ. ในการรณรงค์ให้เจ้าของรถทุกคันมีประกันภัย พ.ร.บ. มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้ขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

Related Posts