เมื่อวันที่ 31 มกราคม ได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.232/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด (“PMTL”) โดย นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส ผู้จัดการสาขา ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด และอดีตพนักงานบริษัทหญิงคนไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันนำเข้าบุหรี่ที่มีแหล่งผลิตในต่างประเทศ เข้าราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ม.27, 115 จัตวา
โดยสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.63 ว่า ระหว่างการพิจารณาของศาลได้มีการแก้กฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำผิด โดยยังคงบัญญัติให้การกระทำตามฟ้องเป็นความผิดอยู่ และมีบทกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินตั้งแต่ครึ่งเท่าแต่ไม่เกิน 4 เท่าของค่าอากรที่ต้องเสียเพิ่ม ซึ่งกฎหมายที่แก้ไขใหม่นั้นเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า ตามกฎหมายจึงนำมาพิจารณา และพิพากษาว่าให้ปรับบริษัท ฟิลลิปมอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 ตามอัตรากฎหมายที่แก้ไขใหม่ เป็นเงินทั้งสิ้น 130,145,870 บาท ส่วนพนักงานบริษัทหญิงคนไทย จำเลยที่ 2 ศาลเห็นว่าไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในทางบริหาร หรือมีส่วนกำหนดนโยบายเรื่องการนำเข้าหรือ จัดจำหน่ายบุหรี่ในไทยของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อมาอัยการโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์
การเข้าฟังการพิพากษาอุทรณ์ครั้งนี้มี นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส ผู้จัดการสาขา ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด, (“PMTL”) ในฐานะผู้แทนนิติบุคคลบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด และอดีตพนักงานบริษัท จำเลยที่ 1-2 พร้อมล่ามแปลภาษา ทนายความและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ได้เดินทางมาคำฟังคำพิพากษา
โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนัก การกระทำของบริษัท ฟิลลิปมอร์ริสฯ จำเลยที่ 1 เป็นการสำแดงเท็จ และเป็นการนำสินค้าประเภทบุหรี่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อย่างไรก็ตาม เห็นควรแก้ไขค่าปรับเสียใหม่ ซึ่งแต่เดิมอัยการยื่นฟ้องให้ปรับ 4 เท่า คิดเป็นจำนวน 130,145,870.12 บาท(ราว 4ล้านเหรียญสหรัฐ) แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลมีกฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ จึงพิพากษาเปลี่ยนเป็นให้ปรับ บริษัท ฟิลลิปมอร์ริสฯ จำเลยที่ 1 จำนวน 2.5 เท่าตามอัตรากฎหมายที่แก้ไขใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคำนวณค่าอากรเป็นจำนวนเงินที่แท้จริงอีกครั้ง ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงพนักงานบริษัท ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด ไม่ได้มีอำนาจกำหนดราคาของบุหรี่ทั้ง 2 ยี่ห้อแต่อย่างใด จึงพิพากษายกฟ้อง ซึ่งนอกจากที่แก้นี้ก็ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ด้านนายเจอรัลด์ มาร์โกลีส ผู้จัดการสาขา PMTL กล่าวว่า “คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ ให้กับอดีตพนักงานของเราแม้ว่าศาลจะมีคำตัดสินลดโทษปรับให้ PMTL แต่เราขอยืนยันว่าเราไม่ได้ กระทำความผิดแต่ประการใด”