Maktar ผู้ผลิตอุปกรณ์สำรองข้อมูลขณะชาร์จสัญชาติไต้หวัน ที่คว้ารางวัลมาอย่างมากมาย ประกาศเตรียมเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างจริงจัง หลังเห็นแนวโน้มที่ดีจากการทำตลาดออนไลน์ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซในไทย เตรียมชูโมเดลความสำเร็จของการขยายตลาดสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ภายในระยะเวลา 2 ปี เข้ามาสู่ประเทศไทย ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ นำมาผสานกับความง่ายของการใช้งานผลิตภัณฑ์ และความใส่ใจในความต้องการของลูกค้า เชื่อว่าภายในปีนี้จะสามารถตั้งบริษัทในไทยได้ มั่นใจประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพและความพร้อมในการใช้งาน ก่อนขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต่อไป
- – AIS จับมือ ZTE และ Qualcomm พัฒนาอุปกรณ์ mmWave 5G SA ย่านความถี่ 26GHz ครั้งแรกในไทย
- – ไมโครซอฟท์ เผย 75% ของอุปกรณ์ควบคุมเครื่องจักร ยังมีช่องโหว่ร้ายแรง
แมคธาริส เฉิน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Maktar กล่าวในงานจัดแสดงสินค้า Taiwan Excellence Pop-up Store in Thailand ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้วยประชากรที่มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนการใช้โซเชียลมีเดียที่มากขึ้นในแต่ละวัน ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้การสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งMaktar จะเข้ามาช่วยเสริมให้การสำรองข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและตอบโจทย์การใช้ชีวิตออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่เข้าตลาดในปี 2020 สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าของแต่ละปีได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ของการเข้าสู่ตลาด เรื่องแรกคือความตั้งใจจริงในการเข้าทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีการตั้งสำนักงานขายและศึกษาตลาดอย่างจริงจัง เพื่อเข้าใจในพฤติกรรมของการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เรื่องที่สองเริ่มพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรม ตลอดจนสร้างความมีส่วนร่วมกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยร่วมมือกับนักออกแบบคาแรคเตอร์ชาวญี่ปุ่น ในการพัฒนาลวดลายของผลิตภัณฑ์ที่ขายอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและส่งขายทั่วโลกจนเกิดความภาคภูมิใจ
และเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของบริการหลังการขายที่เราใส่ใจเป็นพิเศษ ผ่านการรับประกันผลิตภัณฑ์ 10 ปี และมีการจัดตั้งส่วนบริการหลังการขาย เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด ขณะที่ตัวผลิตภัณฑ์เองก็มีการพัฒนาชิปเซ็ตภายใน ให้สามารถคุยกับสมาร์ทโฟนได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้การใช้งานลื่นไหล เพื่อสะท้อนให้ผู้บริโภคความมั่นใจว่า Maktar จะเข้ามาทำตลาดอย่างมั่นคงในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสร้างการรับรู้ผ่านดารานักแสดงในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการการใช้งานอุปกรณ์สำรองข้อมูลอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ความสำเร็จของMaktar ในประเทศญี่ปุ่น สะท้อนได้จากการมียอดขายที่โตแซงหน้าในไต้หวันไปหลายเท่าตัว ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์ของMaktar เองก็เป็นที่นิยมอย่างมากอยู่แล้วในไต้หวัน และวันนี้Maktar เริ่มให้ความสนใจตลาดประเทศไทย ด้วยศักยภาพของปริมาณการใช้โซเชียลมีเดีย และจำนวนการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนไทย ซึ่งมีโอกาสที่ข้อมูลในเครื่องจะเต็มได้โดยง่าย ทำให้ของการใช้งานอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสมาร์ทโฟนที่สะดวกและง่ายดายขณะชาร์จ อย่าง Maktar ก็มีโอกาสที่จะเจาะตลาดได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
จุดเด่นและความน่าสนใจของ Maktar ด้านการใช้งาน
ปัจจุบันMaktar มีผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่ม แบ่งเป็น 1) อุปกรณ์สำรองข้อมูล (Backup storage) ได้แก่ Piconizer แฟลชไดร์ฟสำรองข้อมูลสำหรับ IOS และแอนดรอยด์ และ QubiiDuo อุปกรณ์ช่วยสำรองข้อมูลลงการ์ดไมโครเอสดี ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง IOS และแอนดรอยด์ หรือ Mac และ PC 2) แฟลชไดร์ฟความปลอดภัยสูง (Security flash drive) คือ Nukii แฟลชไดร์ฟ USB อัจฉริยะที่มีระบบสมาร์ทรีโมต ทำให้สามารถล็อคแฟลชไดร์ฟได้อัตโนมัติทุกที่ทุกเวลา 3) ตัวขยายเสียง (Sound quality amplifier) คือ Spectra X2 แอมป์นี้จะเป็นตัวรับสัญญาณเพื่อขยายให้เสียงดังขึ้นและสามารถปรับคุณภาพของเสียงได้ด้วย ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นของการฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ระดับพรีเมียม รองรับการใช้งานกับเครื่อง Mac ไอโฟน และสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบแอนดรอยด์ และ 4) Maktar Accessory ผลิตภัณฑ์หัวชาร์จเร็วและสายชาร์จที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟน
โดยผลิตภัณฑ์ของMaktar จะใช้ชิปเซ็ตที่พัฒนาร่วมกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและออกแบบมาเป็นพิเศษ ในการสั่งการควบคุมและการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้การเชื่อมต่อมีความเสถียรและรวดเร็ว ช่วยให้การโอนย้ายข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟนและที่เก็บข้อมูลภายนอกเป็นไปไอย่างอัตโนมัติ หรือสามารถทำได้ภายในการกดเพียงครั้งเดียว ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือใช้เวลาเพิ่มเพื่อสำรองข้อมูลที่จำเป็นอีกต่อไป
นอกจากนี้การออกแบบของMaktar ที่นอกจากจะร่วมมือกับนักออกแบบท้องถิ่นในการสรรค์สร้างลวดลายให้กับอุปกรณ์แล้ว ยังมีความทันสมัยของรูปร่าง และขนาดที่เล็ก ตลอดจนน้ำหนักที่เบา ทำให้พกพาสะดวก สอดรับกับการใช้งานควบคู่กับสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี
แนวทางการบุกตลาดในประเทศไทย
แมคธาริส เฉิน เปิดเผยว่า ความตั้งใจของMaktar คือการตั้งบริษัทในประเทศไทยให้ได้ภายในปีนี้ และนำรูปแบบความสำเร็จที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใช้กับประเทศไทย โดยช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะสามารถตั้งบริษัทได้ภายในปี 2566 นี้ ซึ่งแนวทางของการทำตลาดในประเทศไทย จะใช้รูปแบบการผลิตสินค้าที่ประเทศไต้หวันและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และในประเทศไทยจะมีความร่วมมือกับดีไซน์เนอร์ชาวไทย ในการออกแบบลวดลายผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับความร่วมมือในประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่ช่องทางการจำหน่าย ยังคงให้ความสำคัญกับการขายผ่านพาร์ทเนอร์ เนื่องจากพาร์ทเนอร์จะช่วยทำให้เรามีช่องทางการจำหน่ายที่มากและรวดเร็ว โดยผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยจะมีการรับประกัน 10 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งานให้กับผู้บริโภค ซึ่งเชื่อว่าภายใน 2 ปี จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น
“แม้ว่าการสำรองข้อมูลจะเป็นเรื่องใหม่ แต่เชื่อแน่ว่า เมื่อปริมาณข้อมูลที่สูงขึ้นจะกลายเป็นปัญหาของคนใช้สมาร์ทโฟน และความจำเป็นของการสำรองข้อมูลที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก ก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของใช้งานสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน เพื่อคงประสิทธิภาพให้สมาร์ทโฟนสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่ต่อไป”
ทั้งนี้Maktar เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำรองข้อมูลของสมาร์ทโฟนขณะชาร์จสัญชาติไต้หวัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากปัญหาของการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีข้อจำกัดเรื่องความจุของข้อมูล ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมาร์ทโฟนลดลง ทำให้เกิดแนวคิดของการสร้างอุปกรณ์ช่วยสำรองข้อมูลขณะชาร์จ เพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากของการสำรองข้อมูล โดยได้เริ่มระดมทุนผ่านโครงการ Kick Starter และเริ่มขยายตลาดจากประเทศไต้หวันเข้าสู่ตลาดประเทศญี่ปุ่นจนประสบความสำเร็จ ด้วยรางวัลรับรองจาก 5 สถาบัน BC Best Choice Award, Good Design Award 2021, Taiwan Excellence 2021, VGP Life Style 2020 และ The National Brand Yushan Award
