เร้ดแฮท เปิดตัวบริการ Red Hat Ansible Lightspeed ชูพลัง generative AI

เร้ดแฮท เปิดตัวบริการ Red Hat Ansible Lightspeed ชูพลัง generative AI

Red Hat, Inc. (เร้ดแฮท) ประกาศวางตลาด Red Hat Ansible Lightspeed ซึ่งเป็นบริการ generative AI จากขุมพลังของ IBM watsonx Code Assistant ที่ช่วยให้นำไอทีอัตโนมัติมาใช้ทั่วทั้งองค์กรได้เร็วขึ้น

Ashesh Badani, senior vice president and Chief Product Officer, Red Hat กล่าวว่า AI นำมาซึ่งโอกาสที่ดีมาก ทำให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว เร้ดแฮทได้สร้างสองแนวทางที่จะช่วยลูกค้าของเราปรับบริบทในการใช้ AI แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้ใช้งาน AI ได้จริง และเจาะจงตรงไปยังสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญตามลำดับที่ลูกค้าตั้งไว้ ด้วยการมอบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้าง ปรับแต่ง ดูแลรักษาเวิร์กโหลด AI และนำความสามารถต่าง ๆ ที่มี AI เป็นส่วนหนึ่ง รวมไว้บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา

รวมถึง Ansible เราได้แสดงให้เห็นว่ามี domain-specific AI สามารถช่วยให้ไอทีอัตโนมัติในระดับคอมมิวนิตี้ และในระดับที่ใช้งานได้ทั่วไป ของ Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant มีศักยภาพในการปิดช่องว่างด้านทักษะ สร้างประสิทธิภาพให้องค์กรได้มากขึ้น ช่วยให้ทีมไอทีขององค์กรไม่ต้องกังวลอีกต่อไปและหันไปให้ความสำคัญกับงานที่จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้มากขึ้น”

ด้าน Keri Olson, vice president, Product Management, IBM watsonx Code Assistant กล่าวว่า AI และไอทีอัตโนมัติได้ช่วยให้อุตสาหกรรมทุกประเภทสร้างนวัตกรรมได้เร็วขึ้นมาก แต่ยังคงมีความสามารถของเทคโนโลยีอีกมากที่เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แต่ยังไม่มีการนำมาใช้ technical preview ของ Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant ช่วยให้เราเห็นภาพว่าเมื่อเรารวม domain-specific AI เข้ากับไอทีอัตโนมัติแล้ว จะเกิดสิ่งที่เป็นไปได้อะไรขึ้นบ้าง

ทั้งนี้ Red Hat Ansible Lightspeed จะช่วยสร้างคำแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ จากการป้อนคำสั่งของผู้ใช้ และผสานรวมกับ IBM Watsonx Code Assistant เพื่อเข้าถึงโมเดลพื้นฐานต่าง ๆ ของ IBM และสร้าง Ansible content ได้อย่างรวดเร็ว บริการนี้สร้างขึ้นสำหรับ Ansible เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานลดช่องว่างระหว่างแนวคิดเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติ และการสร้าง Ansible content ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บุคลากรด้านไอทีทั้งหมดเข้าถึงระบบอัตโนมัติได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกิด content best practices และการดูแลที่ทำได้ทั่วทั้งองค์กร ส่งผลให้ระบบอัตโนมัติมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกันมากขึ้น

ระบบอัติโนมัติที่เน้นการใช้งานได้จริง

Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ที่สร้างตามเป้าหมายและได้รับการเทรนบน Ansible data เป็นการผสานพลังของประสบการณ์ตรงเข้ากับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อมอบคำแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น สอดคล้องกัน และเจาะจงตามความต้องการทางธุรกิจต่าง ๆ บริการนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพวิธีการทำงานให้กับงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยเป็นส่วนเสริมในเวิร์กโฟลว์ของ Red Hat Ansible Automation Platform ที่มีอยู่ ควบคู่กับชุดเครื่องมือครบชุดของ Ansible content ทั้งนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าใช้ศักยภาพของ Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ได้โดยไม่จำเป็นต้องล้อกอินเข้าใช้เครื่องมือหรือบริการแยกกัน เพราะบริการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Ansible Automation Platform subscription และรวมอยู่ใน Ansible Visual Studio Code extension อยู่แล้ว

ผู้ใช้สามารถป้อนข้อความคำสั่งที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อสร้างและแก้ไข Ansible Playbooks และกฎต่าง ๆ และจะได้รับเอาต์พุตที่แปลเป็น YAML content หรือคอนเทนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับภาษาโปรแกรมต่าง ๆ ได้ เป็นการเพิ่มความคล่องตัวให้กับการสร้างบทบาทและ playbook ดังนั้นผู้ใช้ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก ส่วนผู้ใช้มือใหม่ก็จะมีอุปสรรคในการสร้างคอนเทนต์น้อยลง เป็นการขยายช่องทางว่าใครสามารถสร้าง Ansible content ได้บ้าง ในขณะเดียวกันยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องช่องว่างทักษะด้านระบบอัตโนมัติให้กับทุกภาคส่วนในองค์กร

ให้ความสำคัญกับเนื้อหาคุณภาพ

Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ช่วยแปลความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีอยู่ให้เป็น Ansible automation content และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนด และสอดคล้องกันมากกว่าและสามารถสเกลข้ามทุกทีมงานและทุกภาคส่วนในองค์กร โดย Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant จะสแกน Ansible content ที่มีอยู่ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพและทำให้คอนเทนต์มีมาตรฐานผ่านคำแนะนำต่าง ๆ รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมต่าง ๆ บริการนี้ยังช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวผ่านขั้นตอนการแยกข้อมูล ดังนั้นข้อมูลลูกค้าที่มีความอ่อนไหวสูงจะยังคงไม่ถูกแตะต้องและลดการรั่วไหลของข้อมูลให้ที่อาจเกิดขึ้นได้

Generative AI – วิถีโอเพ่นซอร์ส

การจับคู่แหล่งที่มาของคอนเทนต์ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นและทราบว่าคอนเทนต์นั้นมาจากแหล่งใด ใครเป็นผู้เขียน และใช้ไลเซนส์ใดในการเทรนข้อมูลเพื่อสร้างการแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ ทำให้งานของผู้มีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนต์ได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสม และทำให้ทีมต่าง ๆ เชื่อมั่นในคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI มากขึ้น รวมถึงทำให้ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างและปล่อยคอนเทนต์ต้นทางมีตัวเลือกว่าจะปรับแต่งโมเดลงานของตนหรือไม่

ด้าน Gerry Leitão, leader, Partner and Global Hybrid Cloud Automation, IBM Consulting กล่าวว่า ในระหว่าง technical preview ของ watsonx Code Assistant ที่ใช้กับ Red Hat Ansible Lightspeed เราสังเกตเห็นว่าในช่วงเริ่มแรกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ระหว่าง 20-45% และเมื่อบริการนี้วางตลาดให้ใช้ได้ทั่วไป (GA) แล้ว เราคาดว่าประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นอีก และเราเชื่อว่าจะยังมีความสามารถที่ยังวัดปริมาณไม่ได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีกเมื่อถึงปลายทางการใช้งาน หลัง GA แล้วไม่เพียงเรามุ่งเร่งพัฒนา Ansible automations ต่าง ๆ และมุ่งลด time-to-value ให้ลูกค้าเท่านั้น แต่เราตั้งใจจะให้คอนเทนต์มีคุณภาพสูงขึ้นอีก

ขณะที่ Lara Greden, research director, Platform as a Service (PaaS) and Brijesh Kumar, senior research analyst, Cloud Application Development Platforms, IDC ระบุว่า ระบบอัตโนมัติเป็นหนึ่งในโฟกัสสำคัญที่ทำให้คลาวด์เวนเดอร์ลงทุนเวลาและลงทุนเพิ่มความสามารถให้กับเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีอยู่ การเพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลประโยชน์และมูลค่าทางธุรกิจให้กับโซลูชันของคลาวด์เวนเดอร์ทั้งหลาย และช่วยให้มีความแข็งแกร่งทางการแข่งขันในตลาด ความสามารถของ AI ที่อยู่ใน Red Hat Ansible Lightspeed ช่วยให้เร้ดแฮทสามารถโฟกัสไปที่การช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาหนัก ๆ ได้

โดยข้อมูลจาก IDC ระบุว่า ภายในปี 2567 จุดอ่อนด้านการสร้างทักษะที่จำเป็นและการฝึกอบรมโดยผู้นำในอุตสาหกรรมด้านไอที จะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ 65% ของธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่อย่างที่ควรเป็นจากการลงทุนด้านคลาวด์ ดาต้า และระบบอัตโนมัติ”1 แต่ “generative AI” มีศักยภาพที่จะทำให้ไลฟ์ไซเคิลของการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง IDC ทำการสำรวจนักพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการใช้ generative AI และพบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์มองเห็นโอกาสที่ดีมากในการใช้ generataive AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและระบบอัตโนมัติให้กับงานที่ไม่ต้องเขียนโค้ด (non-coding tasks) นักพัฒนาซอฟต์แวร์ตระหนักถึงโอกาสของการทำงานอัตโนมัติด้าน DevOps เพื่อปรับปรุงการวัดคุณภาพซอฟต์แวร์สำคัญ ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการทดสอบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ, การให้คะแนนความเสี่ยงของโปรเจกต์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแบบจำลองภัยคุกคาม

ทั้งนี้ เร้ดแฮท จะพร้อมให้บริการ Red Hat Ansible Lightspeed โดยสามารถใช้งานได้ผ่าน Ansible Automation Platform subscription ส่วน IBM watsonx Code Assistant จะมีวางจำหน่ายแยกต่างหาก โดยความสามารถต่าง ๆ ที่ใช้ในการปรับแต่ง เพื่อเทรนโมเดลของลูกค้าที่กำหนดคุณสมบัติแบบเจาะจงสำหรับองค์กรนั้น ๆ คาดว่าจะพร้อมให้ลูกค้าได้ใช้ปลายปีนี้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและการเริ่มต้นใช้งานได้ที่ redhat.com/ansible-lightspeed.

Related Posts