วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศยอดขายปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่า 24% พร้อมเดินหน้าทุ่มทุนกว่า 9 หลัก วางแผนตั้งศูนย์ซ่อมแบตเตอรี่แห่งที่ 4 ของโลกในประเทศไทย รองรับการให้บริการซ่อมแบตเตอรี่ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ครอบคลุมรถยนต์วอลโว่ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมปรับบริการหลังการขายเข้าสู่ยุคของโมบายเซอร์วิสต์ บริการตรวจเช็กระยะรถยนต์ไฟฟ้านอกสถานที่ ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการหลังการขายที่สะดวกมากยิ่งขึ้น
- – แนะมือใหม่ อ่าน สเปกแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อการเดินทางที่ดียิ่งขึ้น
- – เรเว่ ออโตโมทีพ จับมือ มอตโต้ อ๊อคชั่น สร้างมาตรฐานการส่งต่อรถยนต์ไฟฟ้าใช้แล้วสู่ตลาดมือ 2
คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปีติดต่อกัน ตอกย้ำให้เห็นว่าเราเดินทางมาในทิศทางที่ถูกต้อง ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการมีเป้าหมายและเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ปี 2024 ถือเป็นอีกปีที่สำคัญของ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ที่จะสานต่อจุดยืนในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นยานยนต์ไฟฟ้า”
โดยยอดขายรถวอลโว่ คาร์ ในประเทศไทยภายในปี 2023 เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนจากยอดขายรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ที่ 56% จากยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ประกาศแผนกลยุทธ์เพื่อสานต่อเป้าหมายในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเพื่อเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2025 เติบโตต่อเนื่อง อย่างมั่นคง
ขณะที่ความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า Pure Electric ของวอลโว่ ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 56% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนำโดยรถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo XC40 Recharge Pure Electric นอกจากนี้ รถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาอย่าง Volvo EX30 ก็ได้รับกระแสความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถไฟฟ้าของวอลโว่ในปี 2024 ซึ่งการเติบโตที่ต่อเนื่องของรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ในปี 2022 (เติบโต 35%) และปี 2023 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของบริษัทฯในทิศทางการจำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025
นอกจากนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถ Plug-in Hybrid ก็ยังคงได้รับความนิยม โดยมีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 44% จากยอดขายทั้งหมด นำโดย Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดในผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน
บริการใหม่ โมบายเซอร์วิสต์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์บริการซ่อมบำรุงนอกสถานที่
การเปิดโมบายเซอร์วิสต์จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น และนับว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่จะเข้ามาเปลี่ยนเกมการแข่งขันบริการหลังการขาย เพราะแม้ว่าจริง ๆ แล้วปกติลูกค้าจะนำรถเข้ามารับบริการที่ศูนย์เพื่อซ่อมบำรุงตามระยะ แต่สิ่งที่มาพร้อมรถยนต์ไฟฟ้าคือความต้องการซ่อมบำรุงที่น้อยลง ส่งผลให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากลับเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์น้อยลง ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า ทำไมเราต้องรอให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ การตั้งบริการ โมบายเซอร์วิสต์ จึงเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสของการซ่อมบำรุง ภายใต้มาตรฐานศูนย์บริการที่เข้าถึงผู้ใช้งานมากขึ้น ด้วยเครื่องมือตรวจเช็คที่ได้มาตรฐาน ไม่ต่างจากการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ
ซึ่งวันนี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย นับเป็นแบรนด์ผู้นำรายแรก ๆ ที่ประกาศว่าจะตั้งบริการ โมบายเซอร์วิสต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลุกค้าในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานก็ตาม
และสิ่งนี้ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ไม่ได้หาพาร์ทเนอร์เพิ่ม เนื่องจากมองว่าในอนาคตจะมีการตั้งบริการ โมบายเซอร์วิสต์ อย่างแน่นอน การเชิญชวนพาร์ทเนอร์เข้ามาลงทุนตั้งศูนย์บริการ จึงเป็นการไม่แฟร์ต่อนักลงทุน หากจะชวนมาตั้งศูนย์บริการแต่เรากลับให้บริการแบบนอกสถานที่ ซึ่งจะทำให้การสร้างศูนย์บริการของพาร์ทเนอร์ไม่เกิดการคุ้มทุน
ซึ่งวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ตั้งเป้าว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 จะเป็นช่วงเวลาของการตั้งระบบงานการให้บริการโมบายเซอร์วิสต์ และเป็นช่วงทดลองระบบ หลังจากนั้นจะทำการเทรนนิ่งให้กลุ่มศูนย์บริการที่เป็นพาร์ทเนอร์ ที่พร้อมจะให้บริการในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบได้ในช่วงต้นปีหน้า เพื่อสร้างความมั่นคงในการใช้บริการรถยนต์ไฟฟ้าวอลโว่ได้อย่างยั่งยืน
ศูนย์ซ่อมแบตเตอรี่ แห่งที่ 4 ของโลก
นอกจากนี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังมีแผนการตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศไทย นับเป็นแห่งที่ 4 ของโลก ซึ่งเป็นการซ่อมบำรุงขั้นสูงที่ต้องใช้เครื่องมือบางชิ้นในราคามากกว่า 8 หลัก ทำให้ต้องลงทุนมากกว่า 9 หลัก เพื่อสร้างศูนย์ซ่อมแบตเตอรี่ รองรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน และแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดของวอลโว่ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เนื่องจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งแบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคารถ และการรับประกัน ดังนั้นการซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ จะช่วยให้ราคาของการซ่อมบำรุงแบตเตอรี่มีราคาที่ถูกลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถ ขณะที่บริษัทประกันก็มั่นใจที่จะรับประกันรถยนต์ที่สามารถแยกซ่อมแบตเตอรี่ได้ ในราคาที่สามารถซ่อมได้ไม่เกินทุนประกัน
โดยโครงการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและรีไซเคิลแบตเตอรี่ ได้เริ่มต้นด้วยโครงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์ โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership) รถไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid ของวอลโว่ และคาดว่าภายในปี 2567 จะสามารถเปิดให้บริการได้อย่างเป็นทางการ
มุ่งลดปัญหาสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในปี 2025
ในประเทศไทย วอลโว่ คาร์ ได้วางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่เป้าหมายให้สำเร็จภายในปี 2025 ได้แก่ ตั้งเป้าการเติบโตทางด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ระบาด, การเริ่มให้บริการซ่อมและบำรุงรักษารถไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ หรือโมบาย เซอร์วิสทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น
โดยในส่วนของแผนปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสภาพอากาศ บริษัทฯ ก็ได้มีการประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) โดยเฉลี่ยร้อยละ 70% ต่อคัน ภายในปี 2025
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่จำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2025 วอลโว่ได้วางแผนเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีประมวลผล คอร์ คอมพิวติ้ง (core computing) เจนเนเรชันล่าสุด เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และมอบความปลอดภัยแห่งอนาคตให้แก่ผู้ใช้รถ โดยรถไฟฟ้ารุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมของวอลโว่ในปัจจุบันที่มีอยู่แล้วอย่าง Volvo XC40, C40 และ EX30 ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ในเจตนารมณ์ด้านการสร้างความยั่งยืน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เริ่มโครงการติดตั้งหลังคาโซลาร์ ณ คลังสินค้า Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนา ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ล้ำสมัย ทั้งเป็นศูนย์บริการตรวจเช็ครถตามขั้นตอนโดยละเอียดก่อนส่งมอบแก่ลูกค้า ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2024 พื้นที่กว่า 23,331 ตารางเมตร ของคลังเก็บสินค้าแห่งนี้จะสามารถปฎิบัติการณ์ได้ด้วยพลังงานจากแหล่งไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ 100%
นอกจากนี้ วอลโว่ยังมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ โดยเริ่มต้นด้วยโครงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์ โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership) รถไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid ของวอลโว่
และด้วยฐานลูกค้าของวอลโว่ในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะเปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre แห่งที่ 3 ในปีนี้ เพื่อการเข้าถึงและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวอลโว่ได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.com/th, Facebook , Youtube, LINE หรือเยี่ยมชม Volvo Studio Bangkok ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Downtown Store ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-161-4144