ตลาด หุ้นไทย เผชิญแรงกดดันอย่างหนักในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยกว่า 8.9 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการเมืองในประเทศที่ยังไม่นิ่ง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลง 6.2%

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ บล.บัวหลวง ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงไม่สดใส เนื่องจากนักลงทุนขาดความมั่นใจในการลงทุนจากหลายปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงฉุด หุ้นไทย

• เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า: การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า การส่งออกชะลอตัว และการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ ทำให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังอาจเติบโตได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
• การเมืองในประเทศยังไม่แน่นอน: การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า และความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
• เศรษฐกิจโลกชะลอตัว: สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อการส่งออกของไทย

แนะกระจายการลงทุนลดความเสี่ยง

นายชัยพร แนะนำนักลงทุนให้กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อลดความเสี่ยง โดยผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ขณะที่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นกู้เอกชน หรือตราสารหนี้

แม้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะยังไม่สดใส แต่ บล.บัวหลวง มองว่ายังมีโอกาสในการลงทุนในบางกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มไฟแนนซ์ ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว

“เรายังคงเป้าหมายดัชนี SET สิ้นปี 2567 ระดับ 1,539 จุด แต่แนะนำนักลงทุนให้จัดพอร์ตแบบเน้นกระจายความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด” นายชัยพร กล่าว

ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความท้าทายจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้

#ตลาดหุ้นไทย #เศรษฐกิจไทย #การลงทุน #หลักทรัพย์บัวหลวง