ผลสำรวจ Thai Shopper Trends 2567 โดย NIQ เผยให้เห็นถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ของผู้บริโภคไทยเพื่อรับมือกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าสาธารณูปโภคและค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานะทางการเงินของครัวเรือนไทย 48% แย่ลงในช่วงปีที่ผ่านมา
จากข้อมูลของ NIQ พบว่า ณ เดือนมกราคม 2567 ผู้บริโภคไทย 30% กังวลเรื่องค่าอาหารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 27% ในเดือนกรกฎาคม 2566 นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้นถึง 32% ในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย (30%) และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น (11%) เสียอีก
- – ครบ 90 ปี ‘นิวทริไลท์ จาก แอมเวย์’ พาบุกศูนย์วิจัยพฤกษศาสตร์แห่งเอเชีย
- – สกสว. ชวนเมธีวิจัยอาวุโส เร่งระดมสมองออกแบบแผนผลิต นักวิจัยรุ่นใหม่
ปรับพฤติกรรมรับมือค่าครองชีพ
ผลสำรวจของ NIQ ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยเพื่อรับมือกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมี 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: ผู้บริโภค 58% เลือกที่จะลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยและเน้นซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
ลดปริมาณการซื้อ: ผู้บริโภค 32% เลือกที่จะซื้อสินค้าในปริมาณที่ลดลง เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
ซื้อสินค้าในช่วงลดราคา: ผู้บริโภค 31% เลือกที่จะซื้อสินค้าในช่วงลดราคาหรือมีโปรโมชั่น เพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่ถูกลง
คุณภาพต้องมาก่อน แม้ราคาจะสำคัญ
แม้ว่าราคาจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น แต่คุณภาพก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดย 90% ของผู้บริโภคไทยยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยไม่ได้มองหาแค่สินค้าราคาถูก แต่ยังคงมองหาสินค้าที่มีคุณภาพดีด้วย
นอกจากนี้ ผู้บริโภคไทย 78% ยังแสดงความเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการประหยัดเวลา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนในปัจจุบัน
ผู้บริโภคไทยยังคงเปิดรับสินค้าและแบรนด์ใหม่ๆ โดย 89% ของผู้บริโภคระบุว่าเต็มใจที่จะลองสินค้าใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ความภักดีต่อแบรนด์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 มีเพียง 19% ของผู้บริโภคที่ยังคงซื้อสินค้าแบรนด์เดิมๆ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยมีความภักดีต่อแบรนด์น้อยลงและพร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นที่คุ้มค่ากว่า
สำหรับธุรกิจแล้ว การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม รวมถึงการจัดโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค นอกจากนี้ การขยายช่องทางการขายออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้บริโภคไทยมีความต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
สินค้าที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
จากข้อมูลของ NIQ พบว่ามี 3 กลุ่มสินค้าหลักที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่
แชมพูและครีมนวดผม
ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม
อาหารหลัก เช่น ข้าว แป้ง พาสต้า น้ำมันปรุงอาหาร และเครื่องปรุงรส
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยในปี 2567 เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ผู้บริโภคไทยกำลังปรับตัวโดยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลดปริมาณการซื้อ และมองหาสินค้าในช่วงลดราคา อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าและเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย ธุรกิจต่างๆ จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#เศรษฐกิจไทย #เงินเฟ้อ #ค่าครองชีพ #พฤติกรรมผู้บริโภค #ThaiShopperTrends2024