สกสว. ชวนเมธีวิจัยอาวุโส เร่งระดมสมองออกแบบแผนผลิต นักวิจัยรุ่นใหม่

นักวิจัยรุ่นใหม่

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาคอาเซียนและเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน การขาดแคลน นักวิจัยรุ่นใหม่ ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีประชุมครั้งสำคัญภายใต้ชื่อ “ระดมความคิดเห็นจากเครือข่ายเมธีวิจัยอาวุโสและศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น เพื่อร่วมออกแบบการผลิตและพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมสมองจากนักวิจัยชั้นนำของประเทศในการร่วมกันออกแบบแผนการผลิตและพัฒนา นักวิจัยรุ่นใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศในยุคปัจจุบันและอนาคต

รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า “สกสว. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูง และการพัฒนาระบบนิเวศวิจัยที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ เราจึงได้เชิญเมธีวิจัยอาวุโสและศาสตราจารย์วิจัยดีเด่นมาร่วมกันออกแบบแผนงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศอย่างแท้จริง”

ศาสตราจารย์ ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวเสริมว่า “การลงทุนในการพัฒนากำลังคนด้าน ววน. เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน เราต้องเร่งสร้างนักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถและทักษะที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก”

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่:

  1. การวิจัยขั้นแนวหน้า: การสร้างองค์ความรู้ใหม่และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในสาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์สุขภาพ พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีดิจิทัล
  2. การเพิ่มจำนวนและพัฒนาบุคลากรวิจัย: การสร้างแรงจูงใจและโอกาสให้นักศึกษาและนักวิจัยรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพวิจัย ตลอดจนการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญที่จำเป็น
  3. การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกำลังคนและศูนย์กลางการเรียนรู้: การสร้างความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดนักวิจัยและนักศึกษาจากทั่วโลกให้มาทำงานและศึกษาในประเทศไทย
นักวิจัยรุ่นใหม่
รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว.

สถานการณ์การลงทุนด้าน ววน. ของไทย

ในปี 2566 ประเทศไทยมีการลงทุนด้าน ววน. คิดเป็น 1.14% ของ GDP ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 2% ของ GDP ภายในปี 2570 และยังตามหลังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ (2.2%) และมาเลเซีย (1.04%) การขาดแคลนงบประมาณเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาระบบ ววน. ของประเทศไทย แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามเพิ่มงบประมาณในด้านนี้ผ่านกองทุน ววน. ที่เพิ่งเปิดตัว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ

การขาดแคลนนักวิจัยและการลงทุนด้าน ววน. ที่ไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการแข่งขัน นอกจากนี้ การขาดแคลนนักวิจัยยังส่งผลต่อการพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ เช่น การสาธารณสุข การศึกษา และสิ่งแวดล้อม โดย GDP ของประเทศไทยในปี 2566 ขยายตัวเพียง 1.9% ซึ่งชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า

ความหวังในการแก้ปัญหา

ความร่วมมือระหว่าง สกสว. และเมธีวิจัยอาวุโสในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนนักวิจัยและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้าน ววน. ของประเทศไทย แผนงานที่เกิดขึ้นจากการประชุมครั้งนี้จะช่วยสร้างทิศทางที่ชัดเจนในการผลิตและพัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ ตลอดจนสร้างระบบนิเวศวิจัยที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของแผนงานนี้ยังคงขึ้นอยู่กับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม

#สกสว #เมธีวิจัยอาวุโส #วิจัยและนวัตกรรม #ทุนวิจัย #เศรษฐกิจไทย #TheReporterAsia

banner Sample

Related Posts