SCGP หรือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 68,182 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศและตลาดส่งออก รวมถึงอุปสงค์สินค้าฟุ่มเฟือยที่ปรับตัวดีขึ้นตามกำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัว
- – ธนาคารกรุงเทพ รายงานกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2567 โต 4.2%
- – กรุงศรี BAY ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก กำไรสุทธิลดลง 7.9%
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 SCGPมีรายได้จากการขาย 34,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง การส่งออกที่ดีขึ้น และความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยตามกำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัว
กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 2567 อยู่ที่ 3,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น การปรับราคาขาย และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์หลัก ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยผลประกอบการในครึ่งปีแรกสะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและการเติบโตของ SCGP ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพื่อสุขภาพและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ SCGPยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่ผลิตในประเทศไทย และได้รับรางวัล Gold medal จาก EcoVadis Sustainability Ratings ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG
SCGPได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2567 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินรวม 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 สิงหาคม 2567
SCGP ยังคงเดินหน้าลงทุนและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างมีคุณภาพ มุ่งเน้นการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพ
การเติบโตของธุรกิจ
SCGPเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบบูรณาการ (Integrated Packaging Business) และธุรกิจเยื่อและกระดาษ (Fibrous Business)
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบบูรณาการมีรายได้เติบโตขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์และบรรจุภัณฑ์เส้นใย ในขณะที่ธุรกิจเยื่อและกระดาษมีรายได้เติบโตขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษสำหรับละลายและบรรจุภัณฑ์สำหรับบริการด้านอาหาร
SCGPยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพื่อสุขภาพและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
SCGPยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่ผลิตในประเทศไทย และได้รับรางวัล Gold medal จาก EcoVadis Sustainability Ratings ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG
#SCGP #ผลประกอบการ #บรรจุภัณฑ์ #การลงทุน #เงินปันผล #ความยั่งยืน #ESG