กรุงเทพฯ – บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินของไทย ประกาศเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้ให้บริการ แอปพลิเคชัน Robinhood ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอย โดยมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าเบื้องต้นชำระทันที 400 ล้านบาท และส่วนเพิ่มตามผลประกอบการสูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท
- – จัสมิน ไฟเขียวออก JAS-W4 เพิ่มทุนรองรับอนาคต
- – BTS เดินหน้าเพิ่มทุน-ลดทุนครั้งใหญ่ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยการซื้อขายในครั้งนี้อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ที่ยังคงต้องการให้แอปพลิเคชันRobinhood เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทยที่สามารถแข่งขัน พร้อมดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า “Robinhood เริ่มต้นธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นให้ประเทศเราได้มีแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา และเมื่อถึงเวลาที่กลุ่ม SCBX ต้องตัดสินใจส่งต่อธุรกิจRobinhood ไปยังกลุ่มผู้ลงทุนรายต่อไป
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาผู้ที่สนใจซื้อกิจการ คือ ต้องเป็นกลุ่มธุรกิจสัญชาติไทยที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้Robinhood เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยเพื่อคนไทยที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอยมีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในเรื่องของโซลูชันเทคโนโลยีแบบครบวงจร แต่ที่สำคัญยังมีเจตนารมณ์ที่จะนำพาRobinhood ให้อยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และไรเดอร์ส่งอาหาร”
นางมรกต ยิบอินซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ลงทุนยิบอินซอยในการเข้าซื้อRobinhood จาก SCBX เราเล็งเห็นถึงศักยภาพในการให้บริการส่งอาหารของแพลตฟอร์มRobinhood ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพ มีความโดดเด่นในการให้บริการของไรเดอร์ที่สุภาพและรวดเร็ว
นอกจากนี้ ประเภทของร้านค้าที่เปิดให้บริการมีหลากหลายเพราะนอกจากจะมีร้านชื่อดังชั้นนำแล้วยังมีร้านที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่น่าสนใจ โดยเรามองว่าปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติไทยที่มีรากฐานที่ดี จึงเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มผู้ลงทุนยิบอินซอยที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อต่อยอดให้Robinhood มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีความสามารถที่จะแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างมีส่วนร่วม (inclusive growth) ให้เกิดขึ้นในระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง และยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนกับร้านค้าและเศรษฐกิจของประเทศไว้ด้วยกัน”
ทั้งนี้ ลูกค้ายังคงสามารถใช้งานแอปพลิเคชันRobinhood ได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ โดยRobinhood จะยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ สุภาพ รวดเร็ว เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดต่อไป
รายละเอียดการขาย
ทั้งนี้ ดีลดังกล่าวมีมูลค่าเบื้องต้น 400 ล้านบาท และมีเงื่อนไขส่วนเพิ่มตามผลประกอบการสูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ซื้อประกอบด้วย
- กลุ่มยิบอินซอย ถือหุ้น 50%
- บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 30%
- บริษัท เอสซีที เรนทอล คาร์ จำกัด ถือหุ้น 10%
- บริษัท ล็อกซบิท จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 10%
ส่งต่อ Robinhood สู่มือคนไทย
นายมาณพ เสงี่ยมบุตร Chief Financial Officer ของ SCBX กล่าวว่า การขายหุ้น PPV ครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบริษัทที่ต้องการส่งต่อRobinhood แพลตฟอร์มของคนไทย ให้เติบโตต่อไปในมือของนักลงทุนไทย
“กลุ่มยิบอินซอย มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและโซลูชันที่ครบวงจร และที่สำคัญที่สุด พวกเขามีความตั้งใจที่จะทำให้Robinhood เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และไรเดอร์” นายมาณพ กล่าว
ดีลไม่เข้าข่ายรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์
SCBX ชี้แจงว่า การขายหุ้น PPV ครั้งนี้ มีขนาดรายการคิดเป็น 0.6% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัท ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 15% ที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
#Robinhood #SCBX #ยิบอินซอย #เทคโอเวอร์ #ฟู้ดเดลิเวอรี