ครม. ไฟเขียวร่างกฎกระทรวง คุมเข้ม “กัญชา-กัญชง” สกัดใช้ผิดกฎหมาย

ครม. ไฟเขียวร่างกฎกระทรวง คุมเข้ม “กัญชา-กัญชง” สกัดใช้ผิดกฎหมาย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย –คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงใหม่ ควบคุมการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองสารสกัดจาก กัญชา-กัญชง ย้ำใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พาณิชย์ และอุตสาหกรรม หวังป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ โดยให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา พร้อมรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา

การออกร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อบังคับใช้แทนกฎกระทรวงเดิมที่ออกตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564

โดยมีสาระสำคัญร่างกฎกระทรวง “กัญชา-กัญชง” ดังนี้

1. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองสารสกัดจากกัญชา-กัญชง รวมถึงคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุ และการแก้ไขใบอนุญาต เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการควบคุมดูแล

2. จำกัดการใช้สารสกัด ให้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม การวิเคราะห์หรือศึกษาวิจัยทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ และเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยอ้างอิงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดให้สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง ยกเว้นสารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก และสารสกัดจากเมล็ด เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5

3. กำหนดคุณสมบัติผู้ขออนุญาต ได้แก่ บุคคลธรรมดา นิติบุคคล วิสาหกิจชุมชน หน่วยงานของรัฐ สภากาชาดไทย และสถาบันอุดมศึกษา โดยแยกตามวัตถุประสงค์ในการขออนุญาต เช่น เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ เชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม เป็นต้น

4. กำหนดให้ยื่นคำขออนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส

5. กำหนดอายุใบอนุญาต ให้ใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่ 3 นับจากปีที่อนุญาต

6. กำหนดหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต เช่น การแยกเก็บสารสกัดกัญชา-กัญชง การวิเคราะห์หาปริมาณสาร THC เป็นต้น

7. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม โดยไม่เกินอัตราที่กำหนดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สคบ. ได้เสนอแนะให้พิจารณาอนุญาตให้ใช้สารสกัด กัญชา-กัญชง เฉพาะเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการวิจัยเท่านั้น เนื่องจากเป็นวัตถุประสงค์ที่มีความชัดเจน และเกิดประโยชน์ทางสุขภาพสูงสุด รวมถึงควรกำหนดให้แสดงรายละเอียดแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ จะช่วยควบคุมการใช้ประโยชน์จากสารสกัดกัญชา-กัญชง ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน

#กัญชา #กัญชง #สารสกัดกัญชา #ครม. #เศรษฐกิจ #ยาเสพติด #กฎหมาย #ควบคุม #สาธารณสุข #กระทรวงสาธารณสุข