เปิดกองทุน A2G Capital มุ่งลงทุนการขยายตัวของธุรกิจญี่ปุ่นในอาเซียน

เปิดกองทุน A2G Capital มุ่งลงทุนการขยายตัวของธุรกิจญี่ปุ่นในอาเซียน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ โฮลดิงส์ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ประกาศจัดตั้งกองทุน เอทูจี แคปปิตอล (ASEAN to Global Capital: A2G Capital) เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียน โดยมุ่งเน้นที่การอำนวยความสะดวกในธุรกรรม M&A ข้ามพรมแดน

กองทุน A2G Capital จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมโอกาสในการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทญี่ปุ่นและเอสเอ็มอีในภูมิภาคอาเซียน โดยให้ความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างธุรกิจ และส่งเสริมความร่วมมือกับบริษัทผู้ลงทุนจากญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการควบรวมและซื้อกิจการ

นายยูสุเกะ โอจิมะ หัวหน้าส่วนภูมิภาคอาเซียน นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ โฮลดิงส์ กล่าวว่า “เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ญี่ปุ่นและอาเซียนได้สานสัมพันธ์และความร่วมมือในการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคให้เติบโต การก่อตั้งกองทุน A2G Capitalจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการลงทุนระหว่างประเทศสู่เอสเอ็มอี เพื่อส่งมอบทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ ตลอดจนถึงการผลักดันให้เอสเอ็มอีประสบความสำเร็จทางธุรกิจและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

“เนื่องจากตลาดภายในประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเวลาที่เติบโตเต็มที่และถึงจุดอิ่มตัว จึงมีศักยภาพในการเติบโตที่จำกัด เมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่มีพลวัตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทญี่ปุ่นที่ต้องการสร้างการเติบโตที่หลากหลาย ด้วยการขยายการลงทุนสู่ประเทศในอาเซียน บริษัทในญี่ปุ่นสามารถลดความเสี่ยงต่อความผันผวนของเศรษฐกิจภายในประเทศ และยังสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ในการขยายตลาด และสร้างการเติบโตในระยะยาวอีกด้วย”

A2G Capital จะสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีใน 2 ระยะหลัก:

ระยะที่ 1: การปรับโครงสร้างธุรกิจ

  • ให้คำปรึกษาและสนับสนุนในการปรับโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการควบรวมและซื้อกิจการ
  • ช่วยเหลือในการขายหุ้นบริษัทให้กับนักลงทุนที่สนใจผ่านบริการให้คำปรึกษาของนิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์
  • รับประกันความสอดคล้องกับมาตรฐานธุรกิจของญี่ปุ่น
  • นำเสนอแนวทางการบูรณาการหลังการควบรวมกิจการ (Post-Merger Integration: PMI) อย่างเป็นระบบ

ระยะที่ 2: การสนับสนุนหลังการควบรวมกิจการ

  • ให้คำแนะนำและทรัพยากรที่จำเป็นในการบูรณาการธุรกิจหลังการควบรวมกิจการ
  • ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการควบรวมและซื้อกิจการ
  • ลดความจำเป็นในการมีส่วนร่วมของการจัดการโดยตรงในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

ความร่วมมือครั้งแรกของ A2G Capital ในมาเลเซีย

A2G Capitalได้เริ่มต้นความร่วมมือครั้งแรกในมาเลเซียกับ ซีเค แมค โกลบอล (CK MAC Global Sdn. Bhd.) ซึ่งเป็นบริษัทการค้าที่เชี่ยวชาญในด้านเครื่องจักรที่เกี่ยวกับระบบควบคุมเชิงตัวเลขด้วยคอมพิวเตอร์ (CNC) และการให้บริการหลังการขาย โดยมีการดำเนินงานในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์

การลงทุนของญี่ปุ่นในอาเซียน

ข้อมูลการลงทุนระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ระบุว่า ในปี 2566 ญี่ปุ่นมีการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนสูงถึง 2.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากญี่ปุ่นไปยังอาเซียนมีมูลค่า 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

  • มาเลเซีย: ญี่ปุ่นยังคงลงทุนอย่างแข็งแกร่งในมาเลเซีย โดยมีมูลค่าประมาณ 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภาคอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์
  • อินโดนีเซีย: ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของอินโดนีเซีย โดยมีเงินลงทุนประมาณ 4.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ไทย: การลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่าถึง 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนหลักเน้นไปที่การผลิตขั้นสูง
  • เวียดนาม: ญี่ปุ่นลงทุนเกือบ 6.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นกว่า 17.9% ของการลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 37.3% จากปี 2565
  • สิงคโปร์: การลงทุนของญี่ปุ่นในสิงคโปร์พุ่งสูงถึง 5.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตอกย้ำถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งทางด้านการเงินและเทคโนโลยี

นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ มีความเชี่ยวชาญในการปรับโครงสร้างการกำกับดูแลกิจการเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานธุรกิจของญี่ปุ่น และนำเสนอแนวทางการบูรณาการหลังการควบรวมกิจการอย่างเป็นระบบ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีวัฒนธรรมของญี่ปุ่นจะเป็นไปอย่างราบรื่น โมเดลการลงทุนนี้จะช่วยลดเวลาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมและซื้อกิจการให้ประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันก็ลดความจำเป็นในการมีส่วนร่วมของการจัดการโดยตรงในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) สำหรับเอสเอ็มอี ด้วยประสบการณ์ทางธุรกิจมากกว่า 33 ปีและการทำธุรกรรมที่ประสบความสำเร็จมากกว่า 9,000 รายการ บริษัทได้สร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับธุรกิจที่ต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการควบรวมและซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์

โดย นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศโดยเฉพาะในแถบภูมิภาคอาเซียน โดยให้บริการแก่หลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์ การก่อสร้าง อาหาร ไอที และค้าปลีก ลูกค้าหลักของบริษัทประกอบด้วยธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาคและธุรกิจครอบครัว ซึ่งหลายรายกำลังเผชิญกับความท้าทายในการสืบทอดกิจการ และการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ

#นิฮอนเอ็มแอนด์เอเซ็นเตอร์ #A2GCapital #การควบรวมและซื้อกิจการ #M&A #เอสเอ็มอี #อาเซียน #การลงทุน #ธุรกิจ

Related Posts