นักข่าว “เซย์โน” สแปมข่าว! เผยเคล็ดลับ PR ยุคดิจิทัล มัดใจสื่อให้อยู่หมัด

นักข่าว “เซย์โน” สแปมข่าว! เผยเคล็ดลับ PR ยุคดิจิทัล มัดใจสื่อให้อยู่หมัด

Cision เผยผลสำรวจล่าสุด เจาะลึกความต้องการของ นักข่าว ในยุคดิจิทัล พบ “ข่าวที่ไม่เกี่ยวข้อง” คือฝันร้ายอันดับหนึ่งของ PR ขณะที่การ Follow Up อย่างมีกลยุทธ์ และการนำเสนอ “คุณค่า” ที่มากกว่าแค่ข่าวประชาสัมพันธ์ คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

ในโลกยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้น การแข่งขันเพื่อให้ข่าวสารของตนเองได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ (PR) จำเป็นต้องปรับตัวและทำความเข้าใจความต้องการของ นักข่าว อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและนำเสนอข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลสำรวจล่าสุดจาก Cision แพลตฟอร์มชั้นนำด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองของนักข่าวที่มีต่อการทำงานของ PR ทั้งในแง่ของสิ่งที่พวกเขาต้องการ (Do’s) และสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ (Don’ts) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับ PR ในการปรับกลยุทธ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อมวลชน

“สแปม” ข่าว: ฝันร้ายอันดับหนึ่งของนักข่าว

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดจากผลสำรวจคือ นักข่าวจำนวนมากถึง 77% ระบุว่า การได้รับข่าวประชาสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตนเองหรือกลุ่มเป้าหมายของตนเอง (irrelevant pitches) เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาถึงกับ “บล็อก” PR หรือใส่ชื่อไว้ใน “บัญชีดำ” (don’t call list) เลยทีเดียว

ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสำคัญในวงการ PR นั่นคือ การส่งข่าวแบบ “หว่านแห” โดยไม่คำนึงถึงความสนใจของนักข่าวแต่ละคน ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผล แต่ยังสร้างความรำคาญและทำลายความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนอีกด้วย

ความน่าเชื่อถือและภาษา: หัวใจสำคัญของการสื่อสาร

นอกเหนือจาก “สแปม” ข่าวแล้ว ปัญหาอื่นๆ ที่นักข่าวระบุว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำงานร่วมกับ PR ได้แก่:

  • ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่น่าเชื่อถือ (62%): การให้ข้อมูลที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน หรือไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ เป็นสิ่งที่ทำลายความน่าเชื่อถือของทั้ง PR และนักข่าวเอง
  • ภาษาโฆษณาเกินจริง (55%): นักข่าวต้องการข้อเท็จจริง (facts) ไม่ใช่คำโฆษณาชวนเชื่อ (marketing brochures) การใช้ภาษาที่เกินจริงหรือพยายาม “ยัดเยียด” ข่าว จะทำให้นักข่าวรู้สึกว่าข่าวสารนั้นไม่มีความเป็นกลางและไม่น่าเชื่อถือ
  • การขาดความโปร่งใส (41%): การหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม หรือไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของข่าว จะทำให้นักข่าวไม่ไว้วางใจและไม่อยากร่วมงานด้วย

Follow Up: ทำได้ แต่ต้องมีชั้นเชิง

ประเด็นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งจากผลสำรวจคือ ทัศนคติของนักข่าวต่อการติดตามงาน (follow up) ซึ่งเป็นสิ่งที่ PR หลายคนกังวลว่าจะสร้างความรำคาญให้กับนักข่าวหรือไม่

ผลสำรวจในปีนี้ (จากภาพที่ 1) เผยให้เห็นว่า นักข่าวที่ “โอเค” กับการถูกติดตามงานมากกว่าหนึ่งครั้ง มีจำนวนลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 8% เท่านั้น เทียบกับ 17% ในปีที่แล้ว

ตัวเลขนี้ไม่ได้หมายความว่า PR ไม่ควร follow up เลย แต่เป็นการตอกย้ำว่า การ follow up จะต้องทำอย่างระมัดระวังและมีชั้นเชิงมากขึ้น

“คุณค่า” ที่มากกว่าข่าว: สิ่งที่ นักข่าว ต้องการ

แล้วนักข่าวต้องการอะไรจาก PR? คำตอบไม่ได้จำกัดอยู่แค่การได้รับข่าวประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึง “คุณค่า” อื่นๆ ที่ PR สามารถมอบให้ได้ (จากภาพที่ 2)

สิ่งที่นักข่าวให้ความสำคัญมากที่สุด ได้แก่:

  1. ความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมาย (68%): PR ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อทำความเข้าใจว่านักข่าวแต่ละคนสนใจเรื่องอะไร และกลุ่มเป้าหมายของนักข่าวคนนั้นคือใคร การส่งข่าวที่ไม่ตรงกับความสนใจของนักข่าว จะถูกมองว่าเป็นการ “สแปม” และเสียเวลาเปล่า
  2. การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ (52%): นักข่าวต้องการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การที่ PR สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อผู้เชี่ยวชาญหรือแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับข่าวและประหยัดเวลาของนักข่าว
  3. ข้อมูลและงานวิจัย (48%): นักข่าวต้องการข้อมูลเชิงลึกที่น่าเชื่อถือ เพื่อนำไปประกอบการเขียนข่าว การที่ PR สามารถจัดหาข้อมูล สถิติ หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จะช่วยเพิ่มน้ำหนักและความน่าสนใจให้กับข่าว
  4. ความรวดเร็วและตรงเวลา (47%): ในโลกข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักข่าวมีเวลาจำกัด การที่ PR สามารถตอบสนองต่อคำถามหรือข้อสงสัยได้อย่างรวดเร็ว และให้ข้อมูลได้ทันตามกำหนดเวลา จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
  5. ไอเดียข่าวใหม่ๆ (46%): นักข่าวต้องการเรื่องราวที่สดใหม่ น่าสนใจ และไม่ซ้ำซาก การที่ PR สามารถนำเสนอไอเดียข่าวที่แปลกใหม่ หรือมุมมองที่แตกต่าง จะช่วยดึงดูดความสนใจของนักข่าวได้

Follow Up อย่างไรให้ได้ผล?

จากข้อมูลข้างต้น การ follow up ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การโทรไปถามว่า “ได้รับข่าวหรือยัง” แต่คือการเสนอ “คุณค่า” เพิ่มเติมให้กับนักข่าว เช่น:

  • “เรามีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ หากคุณสนใจ เราสามารถส่งให้ได้ทันที”
  • “เราสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ให้คุณสัมภาษณ์ได้ คุณสะดวกวันไหน”
  • “เรามีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับข่าวนี้ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการทำข่าวของคุณ”

การ follow up ในลักษณะนี้ จะแสดงให้เห็นว่า PR เข้าใจความต้องการของนักข่าว และไม่ได้มองว่านักข่าวเป็นเพียง “ช่องทาง” ในการเผยแพร่ข่าวสารเท่านั้น

ข้อควรระวังอื่นๆ ในการทำงานร่วมกับนักข่าว

นอกจากประเด็นหลักๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่ PR ควรใส่ใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจให้กับนักข่าว (จากภาพที่ 3):

  • การยกเลิกนัดกะทันหัน (27%): การยกเลิกนัดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือแจ้งล่วงหน้าในเวลากระชั้นชิด เป็นการเสียมารยาทและไม่เคารพเวลาของนักข่าว
  • การไม่ตอบกลับภายในเวลาที่กำหนด (26%): นักข่าวมักมีกำหนดเวลา (deadline) ที่จำกัด การไม่ตอบกลับอีเมลหรือโทรศัพท์ภายในเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้นักข่าวพลาดโอกาสในการนำเสนอข่าว
  • การเรียกชื่อนักข่าวผิด (19%): เป็นเรื่องเล็กน้อยที่แสดงถึงความไม่ใส่ใจ และอาจสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้กับนักข่าวได้
  • การติดต่อทางโซเชียลมีเดียโดยไม่เคยรู้จักกัน (19%): นักข่าวหลายคนไม่สะดวกที่จะถูกติดต่อเรื่องงานผ่านช่องทางส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
  • การแนบไฟล์ขนาดใหญ่ (12%): การส่งอีเมลที่มีไฟล์แนบขนาดใหญ่ อาจทำให้นักข่าวเสียเวลาในการดาวน์โหลด หรืออาจทำให้ระบบอีเมลของนักข่าวมีปัญหาได้ ควรใช้การฝากไฟล์ไว้บน cloud storage แล้วส่งเป็นลิงก์แทน

PR ยุคใหม่: สร้างความสัมพันธ์ มากกว่าแค่ “ส่งข่าว”

บทสรุปจากผลสำรวจของ Cision ชี้ให้เห็นว่า PR ในยุคดิจิทัลจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนมุมมองจากการเป็นเพียง “ผู้ส่งข่าว” มาเป็น “ผู้สร้างความสัมพันธ์” กับนักข่าว

การทำความเข้าใจความต้องการของนักข่าวอย่างลึกซึ้ง การนำเสนอข่าวสารที่เกี่ยวข้องและมีคุณค่า การ follow up อย่างมีชั้นเชิง และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจสร้างความไม่พอใจ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้น

PR ที่ประสบความสำเร็จ จะต้องไม่เพียงแต่มีความรู้ความสามารถในการเขียนข่าวและสื่อสารเท่านั้น แต่ยังต้องมีทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ (relationship building) และความเข้าใจในจิตวิทยาของนักข่าวด้วย

อนาคตของ PR: การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล

ในอนาคตอันใกล้ เราอาจได้เห็นบทบาทของ PR ที่เปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น จากเดิมที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับนักข่าว (media relations) อาจจะขยายไปสู่การสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางความคิด (influencer relations) หรือผู้บริโภคโดยตรง (direct-to-consumer communication)

เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จะเข้ามามีบทบาทในการช่วย PR ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ความสนใจของนักข่าวแต่ละคน การคัดกรองข่าวที่เกี่ยวข้อง การวัดผลการประชาสัมพันธ์ และการสร้างเนื้อหาที่ตรงใจผู้รับสาร

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ PR จะขาดไม่ได้คือ “ความเป็นมนุษย์” (human touch) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักข่าวและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการประชาสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

#PR #นักข่าว #สื่อสารมวลชน #Cision #การประชาสัมพันธ์ #DigitalPR #MediaRelations #ข่าว #คอนเทนต์ #FollowUp #SEO #การตลาด #MarTech

Related Posts