ภัยไซเบอร์ทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้นทุกขณะ องค์กรทั่วโลกเผชิญความท้าทายในการรับมือ “เอียน มอนเตโร” ผู้จัดงาน GovWare ชี้ AI และ Zero Trust คือกุญแจสำคัญ พร้อมแนะแนวทางรับมือภัยคุกคามไซเบอร์สำหรับทุกขนาดธุรกิจ
โลกดิจิทัลขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้น องค์กรและบุคคลทั่วไปต่างตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากอาชญากรไซเบอร์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เอียน มอนเตโร กรรมการบริหารของ Image Engine และผู้จัดงาน GovWare การประชุมและนิทรรศการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ชั้นนำแห่งเอเชีย ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ TheReporterAsia โดยให้มุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงแนวทางการรับมือที่ทุกองค์กรต้องรู้
แรนซัมแวร์: ภัยร้ายที่ยังคุกคาม
เอียน มอนเตโร เน้นย้ำถึงสถานการณ์การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ (Ransomware) ที่ยังคงเป็นภัยคุกคามอันดับต้น ๆ ของโลก อาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นในการเข้ารหัสข้อมูลสำคัญขององค์กรและเรียกค่าไถ่ “แรนซัมแวร์มักมาในรูปแบบอีเมลฟิชชิง (Phishing) ที่ดูเหมือนส่งมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ” เอียนกล่าว และเสริมว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสูญเสียเงิน แต่ยังรวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กรด้วย
อนาคตที่ท้าทาย: IoT, ควอนตัมคอมพิวติ้ง และภัยคุกคามรูปแบบใหม่
ไม่เพียงแต่แรนซัมแวร์ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เอียนยังเตือนถึงภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และความท้าทายจากเทคโนโลยีการประมวลผลควอนตัม (Quantum Computing) ที่อาจทำให้ระบบการเข้ารหัสในปัจจุบันล้าสมัย “การประมวลผลควอนตัมอาจทำให้มาตรการป้องกันเหล่านั้นไม่เพียงพอในอนาคต” เอียนกล่าว
อาเซียน: ภูมิภาคที่ตกเป็นเป้าหมาย
ภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่สำคัญ เช่น การเงิน สาธารณสุข และพลังงาน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ “องค์กรเหล่านี้เก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานของชาติ ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น” เอียนอธิบาย
Zero Trust และ AI: เกราะป้องกันแห่งอนาคต
เอียน มอนเตโร ได้กล่าวถึงแนวคิด Zero Trust ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการความปลอดภัยทางไซเบอร์ “หลักการของ Zero Trust คือการไม่เชื่อใจผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์ใด ๆ โดยอัตโนมัติ” เอียนอธิบาย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบสิทธิ์และยืนยันตัวตนก่อนอนุญาตให้เข้าถึงระบบหรือข้อมูล
นอกจากนี้ เอียนยังเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยี AI ในการยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ “เทคโนโลยี AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริมเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อคศักยภาพในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ในยุคดิจิทัล” เขากล่าว พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลและตรวจจับความผิดปกติแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที
กลยุทธ์รับมือสำหรับทุกขนาดธุรกิจ
เอียน มอนเตโร แนะนำว่า ธุรกิจทุกขนาดควรเตรียมพร้อมรับมือกับแนวโน้มสำคัญเหล่านี้ โดยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการเพิ่มระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ตรวจจับภัยคุกคาม การตรวจจับ Deepfake หรือการใช้การเข้ารหัสที่ปลอดภัยแบบควอนตัม (quantum-safe encryption)
“ปัจจุบันหลายองค์กรชั้นนำได้พัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์” เอียนกล่าว และเสริมว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ ผ่านโซลูชันความปลอดภัยบนคลาวด์และเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งมีความยืดหยุ่นและคุ้มค่า
การรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในยุคดิจิทัลไม่ใช่เรื่องง่าย องค์กรต้องมีกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การนำแนวคิด Zero Trust และเทคโนโลยี AI มาใช้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบความปลอดภัย และช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#ความปลอดภัยทางไซเบอร์ #Cybersecurity #AI #ZeroTrust #Ransomware #GovWare #ภัยคุกคามไซเบอร์ #เทคโนโลยี #ควอนตัมคอมพิวติ้ง #IoT #อาเซียน #ธุรกิจ #SMEs