เอปสัน (EPSON) ประกาศผลประกอบการปีงบประมาณ 2567 โต 5% พร้อมเผยทิศทางธุรกิจปี 2568 ชู “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจหลัก ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม, บริการ, และช่องทางจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ตั้งเป้ารักษาแชมป์ตลาดพรินเตอร์-โปรเจ็กเตอร์ พร้อมขยายฐานลูกค้า B2B
พัทลุง, ประเทศไทย – บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด (EPSON) ผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์และโปรเจ็กเตอร์ระดับโลก เผยผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2567 (เมษายน 2566 – มีนาคม 2567) ซึ่งเติบโตขึ้น 5% พร้อมประกาศทิศทางธุรกิจในปีงบประมาณ 2568 (เมษายน 2567 – มีนาคม 2568) โดยเน้นย้ำว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียงกระแส แต่เป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ และเป็นอนาคตของทุกคน
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลประกอบการที่เติบโตขึ้นว่า “ปีที่ผ่านมา ตลาด IT โดยรวมของประเทศไทยมีการฟื้นตัว โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 0.4% แม้ว่าจำนวนหน่วยขายจะลดลง 2.0% ก็ตาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีกำลังซื้อ แต่เลือกซื้อสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น”
“เอปสันสามารถเติบโตได้ถึง 5% ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าตลาดโดยรวม เนื่องจากเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท, โปรเจ็กเตอร์, และเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม” นายยรรยงกล่าวเสริม
เอปสันยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดพรินเตอร์และโปรเจ็กเตอร์ในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่ง โดยครองอันดับ 1 ในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่:
- เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบแท็งค์ (CISS Inkjet Printer): ครองส่วนแบ่งการตลาด 43%
- เครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์ (Dot Matrix): ครองส่วนแบ่งการตลาด 99%
- โปรเจ็กเตอร์: ครองตำแหน่งผู้นำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2554 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดรวม 52%
- เครื่องพิมพ์สำหรับพิสูจน์อักษรภาพถ่าย (Photo Proof): ครองส่วนแบ่งการตลาด 32%
- เครื่องพิมพ์สำหรับป้ายโฆษณาดิจิทัล (Digital Signage): ครองส่วนแบ่งการตลาด 30%
- เครื่องพิมพ์สำหรับผ้าดิจิทัล (Digital Textile Printing): ครองส่วนแบ่งการตลาด 30%
“Adaptability & Stay Ahead” – กลยุทธ์หลักปี 68
สำหรับปีงบประมาณ 2568 เอปสันประกาศใช้กลยุทธ์ “Adaptability & Stay Ahead” (ความสามารถในการปรับตัวและก้าวนำหน้า) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของผู้บริโภค โดยมี 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่:
- Innovation Offering: นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยี Heat-Free ที่ประหยัดพลังงานได้ถึง 85% และเครื่องพิมพ์ EcoTank ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 83 ตัน เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์
- Agility in Channel: มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปรับช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์มหลัก และสนับสนุนคู่ค้าที่มีอีคอมเมิร์ซของตนเอง
- Enhanced CS: ปรับปรุงการบริการลูกค้าให้เป็นเลิศ ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบบูรณาการใหม่ (New integrated system) ที่ช่วยให้การติดตามและตรวจสอบการขายและบริการลูกค้าเป็นไปอย่างเรียลไทม์, การสนับสนุนทางไกลผ่านวิดีโอสด (Live Video Support & Remote Diagnostics), แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven chatbots) และหลักสูตรฝึกอบรมที่ปรับแต่งได้ (Customizable training course)
- Value Creation: สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นที่คุณภาพ, ความน่าเชื่อถือ, ความคุ้มค่า, และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายยรรยงกล่าวถึงกลยุทธ์ “SEED” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ของเอปสันว่า “เราใช้กลยุทธ์ SEED เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ทั้งในด้านคุณภาพ, ราคา, การขยายตลาด, และการป้องกันการแข่งขัน”
- Secure: รักษาคุณภาพ, ความน่าเชื่อถือ, และคุณค่าที่เหนือกว่าของผลิตภัณฑ์
- Ensure: ทำให้มั่นใจว่าราคา (ทั้งตัวเครื่องและหมึก) และคุณค่า ยังคงสามารถแข่งขันได้
- Expand: ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่, โอกาสใหม่, โซลูชันใหม่, และกลุ่มธุรกิจใหม่
- Defend: ป้องกันการแข่งขัน, ปรับตัวอย่างรวดเร็ว, และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งทางเทคโนโลยี
ขยายฐานลูกค้า B2B – เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
เอปสันให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้า B2B โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับทีมขายและตัวแทนจำหน่าย, การนำเสนอโซลูชันและบริการจัดการงานพิมพ์ (MPS), และการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ภาคการศึกษา, การดูแลสุขภาพ, การผลิต, และภาครัฐ
“ความยั่งยืน” – หัวใจหลักของธุรกิจ นายยรรยงกล่าวย้ำถึงความสำคัญของความยั่งยืนว่า “สำหรับเอปสัน ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คืออนาคตของเรา เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้าน ESG และความยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การสร้างความตระหนักและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและธุรกิจ, และการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น WWF เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม”
เอปสันเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนไม่เพียงแต่เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและสร้างการเติบโตในระยะยาว
แนวโน้มปี 2025 – โอกาสและความท้าทาย
เอปสันมองว่าปี 2025 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย โดยมีแนวโน้มสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่:
- การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของภาครัฐ (Government Digital Transformation)
- การเติบโตของธุรกิจ SME และ Startup
- ความต้องการเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology Demand)
- การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Expansion)
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของต่างประเทศ
เอปสัน (ประเทศไทย) พร้อมเดินหน้าสู่ปีงบประมาณ 2568 ด้วยความมั่นใจ ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์, ช่องทางการจัดจำหน่าย, การบริการลูกค้า, และความยั่งยืน บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาด และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยมี “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ
#Epson #EpsonThailand #FY25 #BusinessDirection #Sustainability #Innovation #CustomerJourney #DigitalTransformation #Ecommerce #B2B #B2C #Printer #Projector #ESG #ความยั่งยืน #เอปสัน #เทคโนโลยี #รักษ์โลก