กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ออกโรงเตือนประชาชนอย่างเร่งด่วน หลังตรวจพบการแพร่ระบาดของข่าวปลอม โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งสร้างความสนใจและตื่นตระหนกในสังคมออนไลน์อย่างสูง หวั่นสร้างความเข้าใจผิด บั่นทอนความเชื่อมั่น และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม
กรุงเทพมหานคร – ท่ามกลางยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ปัญหา “ข่าวปลอม” หรือ Fake News ได้กลายเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในหลากหลายมิติ ล่าสุด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลน่ากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ข่าวปลอมรายสัปดาห์ โดยพบว่าข่าวที่เกี่ยวเนื่องกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวและสึนามิ กำลังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความสับสนและความตื่นกลัวให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอี ได้แถลงถึงผลการดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) ในช่วงระหว่างวันที่ 18 ถึง 24 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบข้อมูลอย่างเข้มข้น พบว่ามีข้อความที่น่าสงสัยและอาจเป็นข่าวปลอมหลั่งไหลเข้ามาในระบบมากถึง 831,528 ข้อความ จากจำนวนนี้ มีข้อความที่ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง (Verify) ทั้งสิ้น 575 ข้อความ
เมื่อพิจารณาถึงช่องทางการแพร่กระจายของข่าวปลอมเหล่านี้ พบว่าแพลตฟอร์ม Social Listening หรือการดักจับข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย เป็นแหล่งที่มาของเบาะแสมากที่สุดถึง 554 ข้อความ รองลงมาคือการแจ้งเบาะแสผ่านช่องทาง Line Official จำนวน 20 ข้อความ และ Facebook อีก 1 ข้อความ ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ในการเป็นช่องทางหลักของการกระจายข่าวสารในปัจจุบัน ทั้งข่าวจริงและข่าวปลอม ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยวิจารณญาณและการตรวจสอบอย่างรอบคอบจากผู้รับสาร
จากการรวบรวมและตรวจสอบเบื้องต้น มีเรื่องที่ศูนย์ฯ ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งสิ้น 189 เรื่อง และได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง ซึ่งได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 82 เรื่อง ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนและความท้าทายในการจัดการกับข่าวปลอม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน
กระทรวงดีอีได้จำแนกประเภทของข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจจากประชาชนออกเป็น 5 กลุ่มหลัก เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ได้แก่:
- กลุ่มนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ: เป็นกลุ่มที่มีจำนวนเรื่องมากที่สุดถึง 85 เรื่อง สะท้อนถึงความพยายามในการบิดเบือนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของภาครัฐและความมั่นคงของชาติ
- กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย: มีจำนวน 48 เรื่อง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้บริโภคและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
- กลุ่มภัยพิบัติ: มีจำนวน 21 เรื่อง เป็นกลุ่มที่สร้างความตื่นตระหนกและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
- กลุ่มเศรษฐกิจ: มีจำนวน 12 เรื่อง แม้จำนวนเรื่องจะไม่สูงเท่ากลุ่มอื่น แต่ข่าวปลอมทางเศรษฐกิจสามารถสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและการลงทุนได้
- กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์: มีจำนวน 23 เรื่อง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนบุคคล
ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว สึนามิ – ประเด็นร้อนยอดฮิตของข่าวปลอม
นายเวทางค์ได้เน้นย้ำว่า ข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวและปรากฏการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง “เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของภัยพิบัติ เหตุการณ์แผ่นดิน ซึ่งเป็นทำให้เกิดความตื่นตระหนก เข้าใจผิด ความสับสนในสังคม โดยหากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม มีผลทำให้ประชาชนเกิดความสับสน นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง” นายเวทางค์กล่าว
สำหรับ 10 อันดับข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจสูงสุด มีดังนี้:
- วันที่ 21 เม.ย. 68 จะเกิดแผ่นดินไหวพร้อมกัน ในเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ไทย และลาว
- หาดกะหลิม ป่าตอง จ.ภูเก็ต เกิดน้ำลด เตรียมรับมือสึนามิ
- ในปี 68 จะเกิดแผ่นดินไหวอีกครั้ง พื้นที่กรุงเทพฯ รับความรุนแรงเทียบเท่าวันที่ 28 มี.ค. 68
- เตรียมปล่อยตัวนักโทษ 3.8 หมื่นคน ส่วนใหญ่คดียา
- กรมการขนส่งฯ เปิดต่อใบขับขี่ปี 2568 ไม่ต้องสอบใหม่!
- ช็อก! พบรอยเลื่อนแก่งคร้อพาดผ่านชัยภูมิ-ขอนแก่น เสี่ยงแผ่นดินไหว!
- เดือนกรกฎาคม 2568 จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ แผ่นดินไหว และสึนามิ
- เปิดรายชื่อ 10 จังหวัดกระทบแผ่นดินเคลื่อน และวางแผนความเสี่ยง
- เมฆเตือนภัย ตอม่อทางด่วนถล่ม มีผู้เสียชีวิตมากกว่าเหตุทางด่วนพระราม 2
- ประธาน สตง. เป็นที่ปรึกษาบริษัทไชน่า เรลเวย์นัมเบอร์ 10
ดีอี ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ชี้แจงข้อเท็จจริง สยบข่าวลวง
สำหรับข่าวปลอมอันดับหนึ่งที่อ้างว่า “วันที่ 21 เม.ย. 68 จะเกิดแผ่นดินไหวพร้อมกัน ในเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ไทย และลาว” นั้น กระทรวงดีอี โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยธรรมชาติ ได้ตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเป็น ข้อมูลเท็จ กรมอุตุนิยมวิทยาชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีแหล่งที่มาจากกรมฯ แต่อย่างใด ที่สำคัญที่สุดคือ เทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถพยากรณ์การเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัน เวลา สถานที่ หรือความรุนแรง
จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และโปรดติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนจากทางราชการเท่านั้น ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังแผ่นดินไหวที่ดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง โดยกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะออกประกาศเตือนทันทีหากตรวจพบสัญญาณแผ่นดินไหวที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวโดยตรง หรือติดตามข้อมูลผ่านเว็บไซต์ earthquake.tmd.go.th
เช่นเดียวกับข่าวปลอมอันดับสอง เรื่อง “หาดกะหลิม ป่าตอง จ.ภูเก็ต เกิดน้ำลด เตรียมรับมือสึนามิ” ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชนและอาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่สำคัญอย่างจังหวัดภูเก็ต กรมอุตุนิยมวิทยาได้ตรวจสอบและยืนยันว่าเป็น ข้อมูลเท็จ เช่นกัน โดย ณ วันที่ 19 เมษายน 2568 ไม่มีการแจ้งเตือนภัยสึนามิในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ และควรติดตามข้อมูลจากหน่วยงานราชการเป็นหลัก
ห่วงใยประชาชน ย้ำเตือน ตระหนักรู้ เท่าทันข่าวปลอม
กระทรวงดีอีแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่กระจายของข่าวปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง การขาดความรู้เท่าทันและหลงเชื่อส่งต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ไม่เพียงแต่สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ความวิตกกังวล และความตื่นตระหนกในสังคมเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และข้อมูลส่วนบุคคลได้ ผลกระทบเหล่านี้สามารถลุกลามบานปลายจนส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศได้ในที่สุด
ดังนั้น การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวสารหรือลิงก์เว็บไซต์ต่างๆ ก่อนที่จะเชื่อหรือส่งต่อจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ประชาชนควรตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อหรือแชร์ข้อมูลนั้นๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นข่าวปลอม หรือสงสัยว่าข้อมูลใดอาจเป็นข่าวปลอม รวมถึงการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ สามารถแจ้งเบาะแสได้ทันที ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้:
- โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ตลอด 24 ชั่วโมง
- Line ID: @antifakenewscenter
- เว็บไซต์: www.antifakenewscenter.com
การร่วมมือกันของประชาชนในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อทั้งสังคมและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
#ข่าวปลอม #FakeNews #ดีอี #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #แผ่นดินไหว #สึนามิ #เตือนภัย #ภัยพิบัติ #ข่าวลวง #ดิจิทัล #เศรษฐกิจดิจิทัล #ความมั่นคง #รู้เท่าทันสื่อ