กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้าเต็มสูบ ขับเคลื่อนวาระสำคัญด้านดิจิทัลและสังคม เผยความคืบหน้าการเตรียมจัดงานประชุม AI ระดับโลก “The 3rd Global Forum on the Ethics of AI 2025” กลางปีหน้า หวังยกระดับไทยสู่ผู้นำ AI Ethics ภูมิภาค พร้อมจับตาใกล้ชิดผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจดิจิทัลไทย สั่งศึกษาแนวทางภาษีบริการดิจิทัล สำหรับแพลตฟอร์ม OTT ขณะเดียวกัน เตรียมเสนอ ร่าง พ.ร.ก. ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า หวังบังคับใช้กฎหมายจัดการภัยออนไลน์เร่งด่วน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เป็นประธานในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 การประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี นางปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดีอี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี เพื่อร่วมหารือและติดตามความคืบหน้าในประเด็นสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลของประเทศ
เริ่มต้นการประชุม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้กล่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น พร้อมส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในการแก้ไขสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้
จับตามาตรการภาษีสหรัฐฯ สั่งศึกษาผลกระทบเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
ประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือคือ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการทางภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกาต่อภาคเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ในเรื่องนี้ นายประเสริฐได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้สังกัดกระทรวงดีอี เร่งดำเนินการศึกษาถึงผลกระทบในมิติต่างๆ อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางในการจัดเก็บภาษีบริการดิจิทัล (Digital Service Tax) สำหรับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแบบ Over The Top (OTT) ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะมีแนวทางที่เหมาะสมและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์เศรษฐกิจดิจิทัลโลกได้อย่างทันท่วงที
เดินหน้าจัด “Bangkok AI Week 2025” ดันไทยสู่ศูนย์กลาง AI Ethics ภูมิภาค
ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการเตรียมการจัดงานประชุมระดับโลกครั้งสำคัญ คือ “The 3rd Global Forum on the Ethics of AI 2025“ ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ โดยมีกระทรวงดีอี ผ่านสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
การประชุมดังกล่าว จะจัดขึ้นภายใต้ธีมใหญ่ “Bangkok AI Week 2025” ระหว่างวันที่ 23 – 27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกกว่า 800 คน ประกอบด้วย รัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกยูเนสโก ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) นักวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชน และสื่อมวลชน
วัตถุประสงค์หลักของการจัดงานครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การยกระดับบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลก ในฐานะผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายและมาตรฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำด้านจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Ethics ในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้เกิดการกระตุ้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ด้าน AI Ethics ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ส่งเสริมให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทยเกิดความตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของจริยธรรมในการนำ AI มาประยุกต์ใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ
การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (Thai National Commission for UNESCO) และคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันให้เกิดการประกาศจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ระดับภูมิภาค ไทย-ยูเนสโก” (AI Ethical Governance Practice Center) ขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ วิจัย และส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านธรรมาภิบาล AI ในระดับภูมิภาคต่อไป
เร่งเครื่องเสนอร่าง พ.ร.ก. ปราบอาชญากรรมออนไลน์ เข้า ครม.
อีกหนึ่งวาระเร่งด่วนที่ได้รับความสนใจอย่างสูง คือ ความคืบหน้าในการจัดทำ ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับภัยออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน กระทรวงดีอีได้ดำเนินการเชิงรุกในการหารือเพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการและสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ ร่วมกับภาคส่วนสำคัญๆ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน (US – ASEAN Business Council: US-ABC) หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM Thailand) รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายใหญ่อย่าง TikTok, Facebook Thailand และ LINE
การหารือมุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและสื่อสังคมออนไลน์ตามที่กำหนดไว้ในร่าง พ.ร.ก.ฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยหลังจากนี้ กระทรวงดีอีมีแผนจะจัดการประชุมหารือเพิ่มเติมกับภาคธนาคาร ภาคโทรคมนาคม และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรอบด้าน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ และเปิดเผยว่า “เรื่องของร่าง พ.รก.อาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอในที่ประชุม ครม. เพื่อประกาศบังคับใช้ ในสัปดาห์หน้า” นับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเกราะป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้กับประชาชนและสังคมไทย
เผยผลสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ ปี 67
นอกเหนือจากประเด็นด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและกฎหมายแล้ว ที่ประชุมยังได้รับทราบผลการดำเนินงาน โครงการสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชากร พ.ศ. 2567 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 86,880 ครัวเรือนทั่วประเทศ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม พ.ศ. 2567 พบว่า:
- การสูบบุหรี่: มีประชากรไทยที่สูบบุหรี่ประมาณ 9.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.5 ของประชากรทั้งหมด โดยเพศชายมีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่าเพศหญิงอย่างมีนัยสำคัญ (ร้อยละ 33.5 เทียบกับร้อยละ 1.0) กลุ่มอายุ 25 – 44 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุด (ร้อยละ 20.1)
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: มีประชากรไทยที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 20.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 35.2 ของประชากรทั้งหมด เพศชายยังคงมีอัตราการดื่มสูงกว่าเพศหญิงอย่างชัดเจน (ร้อยละ 55.7 เทียบกับร้อยละ 16.7) โดยกลุ่มอายุ 25 – 44 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการดื่มสูงสุดเช่นกัน (ร้อยละ 46.9)
ข้อมูลจากการสำรวจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการติดตามและประเมินผลแผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2565 – 2570) และแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2565 – 2570) รวมถึงใช้เป็นฐานข้อมูลในการกำหนดนโยบายด้านสุขภาพ เพื่อการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เดินหน้าสร้างพลเมืองดิจิทัล อบรม Digital Literacy ทะลุเป้า
ในด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับประชาชน ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้า การขับเคลื่อนสถานภาพการเข้าใจดิจิทัล (Digital Literacy: DL) ของประเทศ โดยสำนักงานสถิติจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้ด้าน Digital Literacy แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายไปแล้วทั้งสิ้น 321,992 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 124.66 ของแผนการจัดอบรมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 258,300 คน ในปีงบประมาณ 2568 การอบรมดังกล่าวเน้นดำเนินการผ่านศูนย์ดิจิทัลชุมชนจำนวน 1,722 ศูนย์ และในพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับทักษะและความเข้าใจด้านดิจิทัลให้กับคนไทย เพื่อให้พร้อมรับมือและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า “การประชุมในครั้งนี้ มีวาระการหารือเรื่องของการเร่งรัดดำเนินการของหน่วยงานกระทรวงดีอี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ โดยส่วนใหญ่มีหน้าที่ในการสนับสนุนข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลและการเชื่อมต่อระบบ Cloud” พร้อมทั้งย้ำถึงการมอบหมายให้ศึกษาผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และการเตรียมเสนอ ร่าง พ.ร.ก.อาชญากรรมออนไลน์ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในสัปดาห์หน้า ซึ่งล้วนเป็นภารกิจสำคัญที่กระทรวงดีอีกำลังเร่งผลักดัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจดิจิทัล ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
#กระทรวงดีอี #เศรษฐกิจดิจิทัล #AI #ปัญญาประดิษฐ์ #AIethics #จริยธรรมAI #BangkokAIWeek #ประชุมAIโลก #TheGlobalForumOnTheEthicsOfAI #ภาษีสหรัฐ #DigitalServiceTax #ภาษีOTT #พรกอาชญากรรมออนไลน์ #ปราบโกงออนไลน์ #ภัยไซเบอร์ #DigitalLiteracy #รู้เท่าทันดิจิทัล #ETDA #UNESCO #สำนักงานสถิติแห่งชาติ #ประเสริฐจันทรรวงทอง #ข่าวเศรษฐกิจ #นโยบายดิจิทัล