inDrive แพลตฟอร์มเรียกรถระดับโลก เดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศไทย ตอกย้ำสถานะตลาดเชิงกลยุทธ์สำคัญในอาเซียน มุ่งมั่นพัฒนาบริการมาตรฐานสากล ตอบโจทย์ผู้ใช้งานชาวไทย พร้อมชูค่านิยมองค์กรด้านความยุติธรรมและความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยืนยันยังไม่มีแผนนำโมเดลการเจรจาต่อรองราคาที่เป็นเอกลักษณ์ หรือบริการทางการเงิน “inDrive.Money” เข้ามาให้บริการในประเทศไทยในระยะนี้ โดยเน้นการเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งในบริการเรียกรถปัจจุบัน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – inDrive แพลตฟอร์มบริการเรียกรถ (Ride-Hailing) ที่มีเครือข่ายครอบคลุมกว่า 48 ประเทศทั่วโลก กำลังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งและขยายการดำเนินงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความสำคัญของตลาดไทยในฐานะจุดยุทธศาสตร์หลักสำหรับการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่า inDriveจะเป็นที่รู้จักในระดับสากลจากโมเดลธุรกิจอันเป็นเอกลักษณ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารและคนขับสามารถเจรจาต่อรองค่าโดยสารกันได้โดยตรง รวมถึงการขยายบริการสู่แวดวงการเงิน (Fintech) ผ่าน “inDrive.Money” ในบางประเทศ แต่ล่าสุด ผู้บริหารได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า บริการทั้งสองส่วนดังกล่าวยังไม่มีแผนที่จะนำมาเปิดตัวในประเทศไทยในขณะนี้
จากการเปิดเผยข้อมูลของ Alina Zavorokhina หัวหน้าฝ่ายธุรกิจและผลิตภัณฑ์ บริษัท inDriveและ วรุณเทพ ตันละมัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจอินไดร์ฟ ประจำประเทศไทย รวมถึงข้อมูลจากเอกสารของบริษัท ชี้ให้เห็นว่า กลยุทธ์หลักของ inDriveในประเทศไทยปัจจุบัน มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและปรับปรุงบริการเรียกรถที่มีอยู่ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับทั้งผู้โดยสารและคนขับ ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในค่านิยมหลักขององค์กร
กำเนิดจากเมืองหนาว สู่พันธกิจระดับโลก
แม้โมเดลการต่อรองราคาจะยังไม่ถูกนำมาใช้ในไทย แต่เรื่องราวต้นกำเนิดของ inDriveยังคงสะท้อนถึง DNA ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี แพลตฟอร์มนี้ถือกำเนิดขึ้นในเมืองยาคุตสค์ ประเทศรัสเซีย เมืองที่ได้ชื่อว่าหนาวที่สุดในโลก จากความตั้งใจของ Arsen Tomsky ผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการท้าทายการกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมของบริษัทแท็กซี่ในช่วงที่อากาศหนาวจัด การสร้างแอปพลิเคชันที่ให้อำนาจต่อรองกลับคืนสู่มือผู้ใช้งานจึงเป็นจุดเริ่มต้นของพันธกิจในการ “ท้าทายความไม่เป็นธรรม” ซึ่งยังคงเป็นหลักการชี้นำการดำเนินธุรกิจของ inDriveทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ผ่านมิติอื่นๆ เช่น ความโปร่งใส และการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม
ปัจจุบัน inDriveเติบโตจนมีเครือข่ายคนขับราว 2 ล้านคนทั่วโลก และให้บริการในตลาดสำคัญหลายแห่ง ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ละตินอเมริกา และภูมิภาคอื่นๆ
ไทย: ตลาดสำคัญที่ต้องเติบโตด้วยความเข้าใจ
inDriveยังคงมองว่าประเทศไทยเป็น ตลาดเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพสูง ด้วยปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของเมือง การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการยอมรับเทคโนโลยีดิจิทัลที่แพร่หลาย ตลาด Ride-Hailing ของไทยยังคงมีพลวัตสูงและมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสูงถึงราว 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 นี้
บริษัทฯ ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง โดยเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยมากที่สุด ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชน รับฟังความคิดเห็น และปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง วรุณเทพ ตันละมัย กล่าวว่า “การเติบโตในไทยสำหรับเรา ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขทางธุรกิจ แต่คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน”
ในสภาวะการแข่งขันของตลาด Ride-Hailing ไทยที่มีผู้เล่นหลายราย inDriveจึงมุ่งเน้นสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอ บริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล การให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัย ของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก โดยบริษัทฯ ลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยี กำหนดนโยบายที่รัดกุม และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยสูงสุด
ชู ‘ความยุติธรรม-ความปลอดภัย’ แทน ‘การต่อรองราคา’ ในไทย
เมื่อโมเดลการต่อรองราคาที่เป็นจุดเด่นในตลาดโลกยังไม่ถูกนำมาใช้ คำถามคือ inDriveจะสร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนพันธกิจเรื่อง “ความยุติธรรม” ในไทยได้อย่างไร ข้อมูลจากบริษัทชี้ว่า แนวทางดังกล่าวจะถูกปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย โดยเน้นไปที่:
- ความโปร่งใส: การสื่อสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับค่าบริการ (ตามโครงสร้างราคามาตรฐานที่ใช้ในไทย) ข้อมูลการเดินทาง และรายละเอียดที่จำเป็นอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจ
- ค่าคอมมิชชันที่เป็นธรรม: การกำหนดโครงสร้างค่าคอมมิชชันที่สมเหตุสมผลสำหรับคนขับ
- การส่งเสริมสิทธิที่เท่าเทียม: การดูแลคนขับและผู้โดยสารอย่างเท่าเทียมกันตามนโยบายของบริษัท
- ความปลอดภัย: การลงทุนในฟีเจอร์และมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
“คุณค่าหลักเหล่านี้ คือสิ่งที่หล่อหลอมทุกการตัดสินใจของเรา แม้รูปแบบการให้บริการในแต่ละประเทศอาจแตกต่างกันไปตามกฎระเบียบและสภาพตลาด แต่แก่นแท้เรื่องความยุติธรรมและความปลอดภัยยังคงเหมือนเดิม”
“inDrive.Money” บริการสินเชื่อคนขับ ยังไม่มาไทย
อีกหนึ่งบริการที่สร้างความสนใจคือ “inDrive.Money” ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจสู่แวดวง Fintech เพื่อช่วยเหลือคนขับในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน บริการนี้เปิดตัวแล้วในเม็กซิโก โคลอมเบีย เปรู และอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และให้เงินสดด่วนแก่คนขับสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น การซ่อมรถ
อย่างไรก็ตาม Alina Zavorokhina ยืนยันชัดเจนว่า ปัจจุบันยังไม่มีแผนที่จะนำinDrive.Money เข้ามาให้บริการในประเทศไทย “การเปิดตัวบริการทางการเงินมีความซับซ้อนและต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่เข้มงวดของแต่ละประเทศ รวมถึงต้องหาพันธมิตรที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้ เรายังไม่มีแผนสำหรับประเทศไทยในส่วนนี้”
อนาคต inDriveในไทย: มุ่งเน้นบริการหลักและสร้างความแข็งแกร่ง
เมื่อไม่มีแผนสำหรับบริการต่อรองราคาและสินเชื่อในระยะนี้ ทิศทางของ inDriveในประเทศไทยจึงมุ่งเน้นไปที่การ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริการเรียกรถปัจจุบัน การปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ การขยายพื้นที่ให้บริการ (หากมีแผน) การเพิ่มจำนวนคนขับและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพาร์ทเนอร์คนขับ การรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย และการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้าง
อาจมีการพิจารณาขยายไปยังบริการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจมาตรฐานในอนาคต (เช่น บริการส่งอาหาร ที่เคยมีการกล่าวถึงในภาพรวมระดับโลก) แต่ยังไม่มีการยืนยันแผนงานที่ชัดเจนสำหรับประเทศไทยในส่วนนี้
ทั้งนี้ inDriveยังคงมองประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน แม้จะยังไม่นำโมเดลเด่นอย่างการต่อรองราคาและบริการสินเชื่อเข้ามาใช้ แต่บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาบริการเรียกรถที่มีอยู่ให้ดีที่สุด โดยยึดมั่นในหลักการความยุติธรรมและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความไว้วางใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานชาวไทยในสมรภูมิ Ride-Hailing ที่มีการแข่งขันสูงต่อไป
#inDrive #อินไดร์ฟ #แอปเรียกรถ #RideHailing #ธุรกิจ #ประเทศไทย #เศรษฐกิจดิจิทัล #แพลตฟอร์มเรียกรถ #ความปลอดภัย #ความยุติธรรม #ตลาดอาเซียน #ข่าวเศรษฐกิจ #คมนาคม