พ่อมดติ๊กตอก ชี้ AI Copilot ช่วยปฏิวัติวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้

พ่อมดติ๊กตอก ชี้ AI Copilot ช่วยปฏิวัติวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้

“พ่อมดติ๊กตอก” หรือ คุณมด ศิลา พีรวัฑฒึก นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดัง เผยมุมมองเชิงลึกในงาน “Cafe Copilot: คู่หูคูล ๆ ของคอนเทนท์ ครีเอเตอร์” ชี้ชัดปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ Microsoft Copilot กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมวงการสร้างสรรค์เนื้อหาดิจิทัล กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับครีเอเตอร์และนักการตลาดในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ปลดล็อกศักยภาพการสร้างรายได้ และปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขันที่ดุเดือดในสมรภูมิเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมแนะกลยุทธ์การปรับตัวและใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางภูมิทัศน์สื่อดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้ก้าวเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงคอนเทนต์ครีเอเตอร์และเศรษฐกิจดิจิทัล (Creator Economy) ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ล่าสุดภายในงาน “Cafe Copilot: คู่หูคูล ๆ ของคอนเทนท์ ครีเอเตอร์” ซึ่งจัดขึ้นโดย Microsoft ผู้เข้าร่วมงานได้รับฟังข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ตรงจาก “พ่อมดติ๊กตอก” หรือ คุณมด ศิลา พีรวัฑฒึก นักวางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลและคอนเทนต์ครีเอเตอร์แถวหน้าของเมืองไทย ถึงบทบาทและศักยภาพของ AI อย่าง Microsoft Copilot ในฐานะเครื่องมือที่จะเข้ามาปฏิวัติกระบวนการทำงานและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับผู้สร้างสรรค์เนื้อหาในยุคปัจจุบัน

คุณศิลาเริ่มต้นการบรรยายด้วยการฉายภาพความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือ “Paradigm Shift” ในพฤติกรรมการเสพและค้นหาข้อมูลของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง เขายกตัวอย่างที่น่าสนใจจากการพูดคุยกับคุณพ่อ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์หรือเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ตอนต้น ที่ยังคงคุ้นเคยกับการใช้ Search Engine แบบดั้งเดิมอย่าง Google ในการค้นหาข้อมูล ในขณะที่คนรุ่นใหม่ ตั้งแต่เจนวายไปจนถึงเจนซี หันมาใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและ AI เป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ เขาย้ำว่าการค้นหาข้อมูลผ่านช่องทางใหม่ๆ เหล่านี้ ให้ผลลัพธ์ที่สดใหม่และทันต่อเหตุการณ์มากกว่า เปรียบเสมือนการค้นหาร้านอาหารผ่าน TikTok หรือ AI ที่อาจพบร้านเปิดใหม่ล่าสุดเพียงไม่กี่วัน เทียบกับการค้นหาผ่าน Search Engine แบบเดิมที่อาจได้ข้อมูลเก่าเก็บหลายปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสำหรับนักการตลาดและครีเอเตอร์

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการตลาดดิจิทัลมาอย่างยาวนาน โดยเริ่มสอนหนังสือด้านนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และผ่านการทำงานวางกลยุทธ์ให้กับแบรนด์ชั้นนำมากมายก่อนจะผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์และที่ปรึกษาเต็มตัวหลังยุคโควิด-19 คุณศิลามองว่าภูมิทัศน์สื่อได้เดินทางผ่านยุคต่างๆ ตั้งแต่ยุคทีวีที่เน้นความถี่และใช้ดาราเป็นแม่เหล็ก มาสู่ยุค YouTube ที่ผู้บริโภคเริ่มมีทางเลือกและแสดงพฤติกรรมต่อต้านโฆษณาอย่างชัดเจน จนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และ KOL/KOC ซึ่งเขามองว่าวัฏจักรของยุคนี้อาจเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว

แบรนด์เปลี่ยนไป หันหา “ของดีราคาถูก”

ประเด็นสำคัญที่ “พ่อมดติ๊กตอก” ชี้ให้เห็นคือ การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ต่างๆ ที่หันมาให้ความสำคัญกับอินฟลูเอนเซอร์รายย่อย (Micro-influencers) มากขึ้น แทนที่จะทุ่มงบประมาณไปกับดาราหรือคนดังเพียงอย่างเดียว เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์กลุ่มนี้เปรียบเสมือน “ของดีราคาถูก” ในมุมมองของแบรนด์ คือสามารถผลิตผลงานคุณภาพได้ในขณะที่ค่าตัวยังไม่สูงเท่าคนดังระดับเมกะสตาร์ ซึ่งถือเป็นโอกาสทองสำหรับครีเอเตอร์หน้าใหม่หรือรายย่อยที่จะสร้างตัวตนและสร้างรายได้ในยุคนี้

เมื่อเจาะลึกไปที่แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok คุณศิลาให้ทัศนะว่า แม้ TikTok จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลัง แต่ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะ “อิ่มตัว” ในแง่ของการเติบโตของผู้ใช้งานใหม่ที่ไม่ได้ก้าวกระโดดเหมือนช่วง 3-4 ปีก่อนหน้า จากผู้ใช้งาน 10 ล้านคนในปีแรกๆ สู่ 44 ล้านคนในปัจจุบัน การเติบโตเริ่มชะลอตัวลง สวนทางกับจำนวนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ปรากฏการณ์นี้ส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐศาสตร์ของแพลตฟอร์ม กล่าวคือ เมื่อมีผู้ผลิตเนื้อหามากขึ้นแต่จำนวนผู้รับชมเท่าเดิม การแข่งขันย่อมสูงขึ้น ยอดการรับชม (Views) เฉลี่ยต่อคลิปจึงลดลงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังนั้น ครีเอเตอร์จึงไม่ควรตื่นตระหนกหากยอดวิวไม่พุ่งกระฉูดเหมือนเดิม แต่ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คุณภาพ” ของเนื้อหา และมองหากลยุทธ์ในการ “สร้างรายได้” (Monetization) จากคอนเทนต์ที่ผลิตขึ้น แทนที่จะมุ่งเน้นแต่ยอดวิวเพียงอย่างเดียว

ปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของวิดีโอสั้น (Short Video) นั้นมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีสมาธิสั้นลง การเสพติดการไถหน้าจอ (Scrolling) การใช้งานสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน (ดูวิดีโอแนวตั้งนอกบ้าน แนวนอนในบ้าน หรือฟังเสียงขณะเดินทาง) และบทบาทของ AI ของแพลตฟอร์มที่คอยคัดสรรและป้อนเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญที่ครีเอเตอร์ต้องตระหนักคือ การสร้าง “Hook” หรือจุดดึงดูดความสนใจให้ผู้ชมหยุดนิ้วให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก ซึ่งเป็นเสมือนประตูบานแรกสู่ความสำเร็จของคลิปวิดีโอ

กลยุทธ์สร้างคอนเทนต์ที่สำคัญ

ในเชิงกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ คุณศิลาแนะนำว่า แม้วิดีโอสั้นจะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตามมาด้วยโพสต์แบบอัลบั้มรูป และวิดีโอแบบยาว (Long Form) ซึ่งยังคงมีความสำคัญในการสร้างการรับรู้เชิงลึก (Brand Awareness) ครีเอเตอร์ไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่แค่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ควรใช้จุดแข็งของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเขียน การเล่าเรื่องด้วยเสียง หรือการทำวิดีโอ แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการทำวิดีโอสั้นเพื่อดึงดูดความสนใจเริ่มต้น นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มความยาวของวิดีโอสั้นที่เหมาะสมในปัจจุบัน ซึ่งขยับมาอยู่ที่ประมาณ 1 นาที ไม่ใช่เพียง 15 วินาทีเหมือนในอดีต เนื่องจากแพลตฟอร์มเริ่มให้การสนับสนุนเนื้อหาที่มีความยาวมากขึ้น

ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับครีเอเตอร์ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเริ่มต้น คือคำแนะนำที่ว่า “ควรผลิตคลิปวิดีโอคุณภาพดี (ระดับ 9/10) เก็บไว้เป็นสต็อกอย่างน้อย 20 คลิปก่อนที่จะเปิดช่อง” ซึ่งแตกต่างจากแนวปฏิบัติในอดีตที่มักจะเปิดช่องก่อนแล้วค่อยสร้างคอนเทนต์ การเตรียมพร้อมเช่นนี้จะช่วยให้ช่องมีความต่อเนื่องและรักษาคุณภาพได้ตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้ ความสำเร็จที่ยั่งยืนในโลกออนไลน์ไม่ได้มาจากการมีคลิปไวรัลเพียงครั้งเดียว แต่เกิดจาก “ความสามารถในการทำซ้ำความสำเร็จ” (Repeatability) ซึ่งหมายถึงการที่ครีเอเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัจจัยความสำเร็จของคลิปที่ปัง และนำมาปรับใช้เพื่อสร้างผลงานที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ

ความหลากลหายของการใช้งาน Microsoft Copilot

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ “พ่อมดติ๊กตอก” เน้นย้ำ คือบทบาทของ AI อย่าง Microsoft Copilot ที่เข้ามาเป็น “คู่หูคูล ๆ” สมชื่อธีมงาน เขาได้แบ่งปันประสบการณ์ตรงจากการนำ Copilot ไปใช้งานจริงในทริปเดินทางไปประเทศอียิปต์กับคุณพ่อ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการช่วยงานได้หลากหลายมิติ ตั้งแต่การวางแผนก่อนการเดินทาง เช่น การให้ AI สรุปโปรแกรมทัวร์จากไฟล์ PDF ที่ยาวเหยียด การแนะนำการจัดเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและกิจกรรม การให้คำแนะนำเรื่องการจัดกระเป๋าเพื่อให้มีน้ำหนักไม่เกินกำหนด ซึ่งช่วยลดเวลาและความยุ่งยากในการเตรียมตัวได้อย่างมหาศาล

ในระหว่างการเดินทาง Copilot ยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการให้ข้อมูลสำคัญ เช่น การสอบถามราคามาตรฐานของบริการต่างๆ อาทิ ค่าขี่อูฐ หรือค่าแท็กซี่ เพื่อป้องกันการถูกโก่งราคาจากผู้ให้บริการท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ Copilot ยังสามารถช่วยค้นหาทรัพยากรในท้องถิ่น เช่น การแนะนำช่างภาพชาวอียิปต์พร้อมช่องทางการติดต่อ ทำให้คุณศิลาสามารถจ้างช่างภาพคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผล และยังช่วยทลายกำแพงด้านภาษาด้วยฟังก์ชันการแปล ทำให้การสื่อสารกับคนท้องถิ่นเป็นไปอย่างราบรื่น

แต่ศักยภาพที่โดดเด่นที่สุดของ Copilot ที่ถูกนำเสนอ คือความสามารถในการช่วย “สร้างสรรค์คอนเทนต์” โดยตรง คุณศิลาเล่าว่า เขาสามารถโยนรูปภาพที่ถ่ายในทริป พร้อมบอกเล่าบริบทและความรู้สึก (เช่น เป็นทริปแรกกับคุณพ่อที่ฝันอยากไปอียิปต์) ให้ Copilot ช่วยคิดแคปชั่นสำหรับโพสต์ลง Facebook ผลลัพธ์ที่ได้คือแคปชั่นที่กินใจและสื่อความหมายได้ตรงตามที่ต้องการ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มกลับมาเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างภาพ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถต่อยอดโดยให้ Copilot ช่วยพัฒนาแคปชั่นนั้นให้กลายเป็นสคริปต์สำหรับวิดีโอสั้นความยาว 1 นาที พร้อมทั้งแนะนำเพลงประกอบที่เข้ากับอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งผลลัพธ์คือวิดีโอสุดประทับใจที่เขาได้เปิดให้ชมในงาน

นอกเหนือจากการใช้งานส่วนตัวแล้ว ในมุมมองของการดำเนินธุรกิจและสร้างสรรค์คอนเทนต์อย่างมืออาชีพ คุณศิลาเผยว่าเขาและทีมงานได้นำ AI Copilot มาประยุกต์ใช้ใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่:

  1. Inspire Idea (จุดประกายไอเดีย): Copilot เปรียบเสมือนทีม Creative ส่วนตัวที่พร้อมช่วยระดมสมองตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยแก้ปัญหา “คอนเทนต์ตัน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่ป้อนโจทย์หรือคำถาม เช่น “ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับอะไรดี?” หรือ “วิเคราะห์แนวโน้มคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จของช่อง” AI ก็สามารถให้ไอเดียและแนวทางที่น่าสนใจมากมาย
  2. Analyze Performance (วิเคราะห์ประสิทธิภาพ): แทนที่จะต้องใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูลหลังบ้าน (Analytics) ที่ซับซ้อนด้วยตนเอง ครีเอเตอร์สามารถแคปหน้าจอข้อมูลเหล่านั้นแล้วโยนให้ Copilot ช่วยวิเคราะห์ได้ทันที เช่น “ทำไมคลิปนี้ถึงไวรัล?” หรือ “ควรปรับปรุงกลยุทธ์อย่างไร?” AI จะสรุปประเด็นสำคัญและให้คำแนะนำเชิงลึก ช่วยให้การตัดสินใจทางธุรกิจและการปรับปรุงคอนเทนต์อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่แม่นยำ
  3. Segmentation & Scripting (แบ่งกลุ่มเป้าหมายและสร้างสคริปต์): การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายคือหัวใจสำคัญ Copilot สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และความสนใจของผู้ติดตาม เพื่อให้คำแนะนำว่าควรสร้างคอนเทนต์แนวไหน หรือนำเสนอสินค้า/บริการอะไรที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา รวมถึงช่วยร่างสคริปต์หรือโครงสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ

โดยสรุป “พ่อมดติ๊กตอก” มองว่า AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเทคโนโลยีสำหรับองค์กรใหญ่อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกคนในยุคนี้ AI อย่าง Copilot ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลา และลดต้นทุนในการทำงาน แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ ปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้ และที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน เขาทิ้งท้ายว่า ในยุคที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ คนที่เก่งมากๆ แต่ไม่ยอมใช้ AI อาจพ่ายแพ้ให้กับคนที่มีความสามารถรองลงมาแต่รู้จักใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างชาญฉลาด การเปิดรับและเรียนรู้ที่จะใช้ AI จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับความสำเร็จในเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่

#พ่อมดติ๊กตอก #ศิลาพีรวัฑฒึก #AICopilot #MicrosoftCopilot #CafeCopilot #คอนเทนต์ครีเอเตอร์ #CreatorEconomy #เศรษฐกิจดิจิทัล #AI #ปัญญาประดิษฐ์ #การตลาดดิจิทัล #คอนเทนต์ #วิดีโอสั้น #TikTok #กลยุทธ์การตลาด #เทคโนโลยี

Related Posts