เหลือเวลาไม่ถึงสิบวัน ทรู คอร์ปอเรชั่น ย้ำเตือนลูกค้าผู้ใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ตรวจสอบการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชันธนาคาร หากพบข้อความแจ้งให้ดำเนินการยืนยันตัวตน ให้รีบติดต่อสาขาธนาคารภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 เพื่อให้ชื่อบัญชีธนาคารและชื่อผู้จดทะเบียนซิมการ์ดเป็นบุคคลเดียวกัน ตามมาตรการยกระดับความปลอดภัยธุรกรรมทางการเงิน ป้องกันภัยทุจริตออนไลน์
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับเส้นตายการปรับปรุงข้อมูลผู้ใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ตามข้อกำหนดที่ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารจะต้องตรงกับชื่อผู้จดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ผูกกับแอปพลิเคชันธนาคารนั้นๆ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้ ทางบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ จึงออกมาเน้นย้ำและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ทั้งในระบบทรูมูฟ เอช และ ดีแทค ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการให้เรียบร้อย หากเป็นกลุ่มที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงข้อมูล
มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงสมาคมธนาคารไทย เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางโมบายแบงก์กิ้ง สกัดกั้นปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการใช้บัญชีม้า หรือการลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้เปิดบัญชีและซิมการ์ดเพื่อกระทำความผิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้าง
ใครบ้างที่ต้องดำเนินการ และต้องทำอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้งทุกคนควรทราบคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูล แต่จะจำกัดเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ “ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการผ่านกล่องข้อความ (Inbox) ในแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารที่ใช้งานอยู่เท่านั้น”
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการแจ้งเตือนดังกล่าว จำเป็นต้องรีบดำเนินการภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้:
- ติดต่อสาขาธนาคาร: ให้ท่านเดินทางไปยังสาขาของธนาคารเจ้าของบัญชีที่ท่านใช้งานโมบายแบงก์กิ้งที่สะดวกที่สุด เพื่อทำการพิสูจน์และยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ้าของบัญชีที่แท้จริง
- เตรียมเอกสาร: ควรเตรียมเอกสารสำคัญตามที่ธนาคารแต่ละแห่งกำหนด ซึ่งโดยทั่วไปมักประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง สมุดบัญชี (ถ้ามี) และโทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งแอปพลิเคชันธนาคารดังกล่าว ควรตรวจสอบรายละเอียดเอกสารที่ต้องใช้กับธนาคารโดยตรงอีกครั้งก่อนเดินทางไปติดต่อ
ทางเลือก: เปลี่ยนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับบัญชีธนาคาร
ในกรณีที่ผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้งที่ได้รับการแจ้งเตือน ต้องการปรับปรุงข้อมูลโดยการเปลี่ยนชื่อผู้จดทะเบียนซิมการ์ดให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- ติดต่อศูนย์บริการ: เดินทางไปยังทรูช้อป หรือ ดีแทคช้อป ทุกสาขาทั่วประเทศ
- เตรียมเอกสารและบุคคล:
- ผู้จดทะเบียนซิมการ์ด เดิม ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงมาแสดงตน
- ผู้ที่ ต้องการเป็นผู้จดทะเบียนซิมการ์ดรายใหม่ (ซึ่งต้องเป็นบุคคลเดียวกับเจ้าของบัญชีธนาคาร) ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงมาแสดงตน
- ซิมการ์ด ของหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้บริการ
- สำคัญ: ทั้งผู้จดทะเบียนเดิมและผู้จดทะเบียนใหม่ ต้องมาดำเนินการพร้อมกัน ที่ศูนย์บริการ เพื่อยืนยันเจตนาในการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองหมายเลข
ตรวจสอบชื่อเจ้าของเบอร์มือถือง่ายๆ ด้วยตนเอง
สำหรับลูกค้าทรูและดีแทค ที่ไม่แน่ใจว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้งานอยู่จดทะเบียนภายใต้ชื่อของตนเองหรือไม่ หรือต้องการตรวจสอบความถูกต้อง สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านการกดรหัส USSD ดังนี้:
- ลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน: กด *179*ตามด้วยหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก# แล้วกดโทรออก (ฟรี)
- ลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน: กด *153# แล้วกดโทรออก (ฟรี)
- ลูกค้าดีแทค (ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน): กด *120# แล้วกดโทรออก (ฟรี)
ระบบจะส่งข้อความตอบกลับเพื่อแจ้งข้อมูลชื่อผู้จดทะเบียนของหมายเลขนั้นๆ
กรณีชื่อไม่ตรง แต่ไม่ได้รับแจ้งเตือนในแอปฯ ธนาคาร?
ทรู เน้นย้ำว่า หากผลการตรวจสอบพบว่าชื่อผู้จดทะเบียนซิมการ์ด ไม่ตรง กับชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร แต่ท่าน ไม่ได้รับ การแจ้งเตือนใดๆ ผ่านกล่องข้อความในแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง ท่าน ยังสามารถใช้งานโมบายแบงก์กิ้งต่อไปได้ตามปกติ และ ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้
อย่างไรก็ตาม หากท่านมีความประสงค์ที่จะปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องตรงกัน เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในระยะยาว ก็สามารถดำเนินการเปลี่ยนชื่อผู้จดทะเบียนซิมการ์ดได้ที่ทรูช้อป หรือ ดีแทคช้อป ตามขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้น
อำนวยความสะดวกเพิ่ม: อัปเดตชื่อผ่านแอปฯ (สำหรับเติมเงิน)
เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในระบบเติมเงิน ทรูได้เปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถอัปเดตชื่อผู้จดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน ดังนี้:
- ลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน: ดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน True iService หรือ TrueMoney หรือตามลิงก์: https://ss.true.th/s/3aCz
- ลูกค้าดีแทค แบบเติมเงิน: ดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน dtac หรือตามลิงก์: https://dtac.co.th/s/d3aCz
การดำเนินการตามมาตรการนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเกราะป้องกันภัยทางการเงินในยุคดิจิทัล ที่ธุรกรรมส่วนใหญ่ย้ายมาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ การยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนของเจ้าของบัญชีธนาคารและเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ จะช่วยลดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพนำซิมการ์ดและบัญชีที่ไม่ใช่ของตนไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายได้ยากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินโดยรวม
ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยของลูกค้า จึงพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินอย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้อย่างราบรื่น และใช้งานบริการต่างๆ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
หากลูกค้ามีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบ หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้จดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ สามารถติดต่อได้ที่:
- คอลเซ็นเตอร์ ทรู: หมายเลข 1242
- คอลเซ็นเตอร์ ดีแทค: หมายเลข 1678
#โมบายแบงก์กิ้ง #ทรู #ดีแทค #ยืนยันตัวตน #ชื่อตรงเบอร์ #บัญชีธนาคาร #ซิมการ์ด #ความปลอดภัยไซเบอร์ #ธุรกรรมออนไลน์ #กสทช #ธปท #ป้องกันบัญชีม้า #ข่าวเศรษฐกิจ #ทรูมูฟเอช #ดีแทค #TruemoveH #dtac #MobileBankingSecurity