แมกซ์ โซลูชันฯ ในเครือ PTG โชว์ศักยภาพ Loyalty Program ดันฐานสมาชิก Max Card รวมทะลุ 24.5 ล้านราย บัตรแดงสุดแอคทีฟกว่า 94% แอปฯ Max Me ยอดดาวน์โหลดพุ่ง 1.2 ล้านครั้ง เดินหน้ากลยุทธ์ Non-Oil เต็มกำลัง ตั้งเป้ากาแฟพันธุ์ไทย 5,000 สาขา พร้อมรุกตลาด EV ต่อเนื่อง จับมือ EGAT ขยายสถานีชาร์จ มั่นใจตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เครือข่ายธุรกิจพลังงานและค้าปลีกชั้นนำของไทยอย่าง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กำลังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่สถานีบริการน้ำมันอีกต่อไป ผ่านการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโปรแกรมสมาชิก Max Card และแอปพลิเคชัน Max Me ซึ่งบริหารจัดการโดย บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือ PTG โดยล่าสุดฐานสมาชิกทะยานสู่ 24.5 ล้านราย ตอกย้ำความสำเร็จในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ Non-Oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย และรุกเข้าสู่ตลาดพลังงานทางเลือกสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเต็มตัว
นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จในการขยายฐานสมาชิก Max Card ว่า ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้นประมาณ 24.5 ล้านราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2567 ที่มีจำนวนสมาชิกอยู่ที่ 23.5 ล้านราย สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของสมาชิกใหม่ถึงราว 1 ล้านรายภายในไตรมาสแรกของปี 2568 หรือเฉลี่ยแล้วมีสมาชิกใหม่ทั้งแบบบัตรเขียว (สะสมแต้มทั่วไป) และบัตรแดง (Max Card Plus แบบ Subscription รายปี) เพิ่มขึ้นรวมกันเกือบ 200,000 รายต่อเดือน แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของสิทธิประโยชน์ที่ Max Card มอบให้กับผู้บริโภค
ความน่าสนใจอยู่ที่กลุ่มสมาชิก “บัตรแดง” หรือ Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 1.5 ล้านราย นายพร้อมศักดิ์เน้นย้ำว่า สมาชิกกลุ่มนี้มีอัตราการใช้งาน (Active Rate) สูงเป็นพิเศษถึงกว่า 94% ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากรูปแบบการเป็นสมาชิกแบบ Subscription ที่มอบสิทธิประโยชน์คุ้มค่าต่อเนื่องตลอดปี ทำให้สมาชิกมีการใช้งานบัตรอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดค่าน้ำมัน ส่วนลดสินค้าและบริการต่างๆ ในเครือ PTG และพันธมิตร ซึ่งอัตราการ Active ที่สูงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขายและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับธุรกิจในเครือ
นอกเหนือจากบัตรสมาชิกแบบกายภาพ (Physical Card) แล้ว เครื่องมือสำคัญอีกประการที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของ PTG คือ แอปพลิเคชัน “Max Me” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค โดยมียอดดาวน์โหลดในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านครั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว หรือคิดเป็นการเติบโตถึง 200,000 ดาวน์โหลดภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งไตรมาส นายพร้อมศักดิ์อธิบายว่า แอป Max Me ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัล
โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะผูกบัตร Max Cardเดิมเข้ากับแอปฯ หรือสมัครใช้งานแอปฯ โดยตรงก็ได้ ความสะดวกสบายนี้เองที่ทำให้แอปฯ มีการใช้งานที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าบัตรแดงที่มักใช้แอปฯ ในการชำระเงินค่าน้ำมันและรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของธนาคารกรุงไทย ยังช่วยขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างขึ้น ครอบคลุมถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สามารถใช้จ่ายผ่านแอปฯ ได้เช่นกัน
เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิก Max Cardพบว่ามีการใช้งานที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ PTG อย่างไรก็ตาม บริการที่สมาชิกนิยมใช้บ่อยที่สุดและมีความถี่สูงสุดคือ “การเติมน้ำมัน” ที่สถานีบริการ PT และ “การซื้อกาแฟและเครื่องดื่ม” ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งนายพร้อมศักดิ์ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความต้องการพื้นฐานในชีวิตประจำวันที่ต้องเติมน้ำมันเพื่อการเดินทางและดื่มกาแฟเพื่อความสดชื่น ทำให้เกิดการใช้งานซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริการอื่นๆ เช่น การซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ Max Mart, การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือการใช้บริการที่ศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs แม้จะได้รับความนิยมเช่นกัน แต่มีความถี่ในการใช้งานที่น้อยกว่าตามลักษณะของสินค้าและบริการ เช่น การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ที่อาจจะทำทุกๆ 6 เดือน เป็นต้น การเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและการจัดโปรโมชันให้ตรงใจลูกค้า
เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่ Max Solution Service ได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา นายพร้อมศักดิ์ยกตัวอย่างโปรโมชัน ณ ปัจจุบันว่า สำหรับลูกค้าที่เติมน้ำมันทุกประเภทที่สถานีบริการ PT ครบทุก 500 บาท จะได้รับน้ำดื่ม PT ขนาด 1.5 ลิตร ฟรี 1 ขวด และหากเติมครบ 1,000 บาท นอกจากจะได้รับน้ำดื่มเพิ่มอีก 1 ขวดแล้ว ยังจะได้รับขนมขบเคี้ยวสำหรับทานระหว่างเดินทางเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนทางด้านร้านกาแฟพันธุ์ไทย ก็มีโปรโมชันที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งการจัดชุดคอมโบเครื่องดื่มคู่กับขนมในราคาพิเศษ (Bundle Package) และการนำเสนอเมนูเครื่องดื่มใหม่ๆ ออกมาสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและกระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ
ในส่วนของทิศทางและเป้าหมายทางธุรกิจในอนาคต PTG ยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง โดยมี “กาแฟพันธุ์ไทย” เป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญ นายพร้อมศักดิ์กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายในการขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทยให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยได้ตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ไว้ที่ 5,000 สาขาทั่วประเทศ ตามที่เคยได้ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การขยายสาขาจริงจะพิจารณาควบคู่ไปกับการเติบโตของฐานสมาชิก Max Card โดยเฉพาะกลุ่มบัตรแดงเป็นสำคัญ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีความต้องการใช้บริการร้านกาแฟที่บ่อยขึ้น การขยายสาขาจึงต้องสอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้การลงทุนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับธุรกิจหลักอย่างสถานีบริการน้ำมัน PT ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศรวมประมาณ 2,300 กว่าแห่ง นายพร้อมศักดิ์ระบุว่า ยังคงมีแผนการปรับปรุงสถานีบริการเดิมให้ทันสมัย (Renovate) และเปิดสถานีบริการแห่งใหม่เพิ่มเติมอยู่บ้าง แต่จำนวนอาจไม่มากนักและจะเน้นพิจารณาจากศักยภาพของทำเลที่ตั้งเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันทำเลบนถนนสายรองหลายแห่งมีการเปิดสถานีบริการค่อนข้างหนาแน่นแล้ว การขยายสาขาใหม่จึงต้องมองหาทำเลที่มีศักยภาพสูงจริงๆ เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุน
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญที่ PTG ให้ความสนใจและดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือ การปรับตัวเข้าสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) นายพร้อมศักดิ์เปิดเผยว่า PTG ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลักอย่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ผ่านแบรนด์ Elex by EGAT ในการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนจุดชาร์จที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 200 จุดทั่วประเทศ และยังมีแผนขยายเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากจุดชาร์จในปั๊มแล้ว ยังมีจุดชาร์จที่อยู่นอกสถานีบริการอีกด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV ในประเทศไทย PTG ยังได้ออกบัตร “Max Plus EV” ซึ่งเป็นบัตรสมาชิกเฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการใช้บริการชาร์จกับเครือข่ายของ Elex by EGAT ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและมียอดผู้ใช้งานเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นการศึกษาและทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ EV ทาง PTG ได้ริเริ่มโครงการนำร่อง (Pilot Project) ในการเปิด “สถานีบริการ EV โดยเฉพาะ” (EV Station) แห่งแรกที่สาขาราชพฤกษ์ ซึ่งสถานีแห่งนี้จะให้บริการเฉพาะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของ PTG ในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภาคการขนส่งของประเทศ
โดยสรุป การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของฐานสมาชิก Max Cardและแอปพลิเคชัน Max Me ถือเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของกลยุทธ์ Loyalty Program ของ PTG ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดสู่ธุรกิจ Non-Oil อื่นๆ โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยที่ตั้งเป้าหมายการขยายสาขาอย่างท้าทาย ควบคู่ไปกับการเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรและการทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ PTG ในการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่งและครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างยั่งยืน
#PTG #PTGEnergy #MaxCard #MaxMe #แมกซ์การ์ด #MaxSolution #แมกซ์โซลูชัน #กาแฟพันธุ์ไทย #PunthaiCoffee #PTStation #NonOil #EV #ElectricVehicle #สถานีชาร์จEV #ElexbyEGAT #EGAT #LoyaltyProgram #ธุรกิจค้าปลีก #พลังงาน #เศรษฐกิจไทย #การตลาดดิจิทัล