สารัช มาร์เก็ตติ้ง ผู้นำตลาดมะขามแปรรูปจากเพชรบูรณ์ ประกาศแผนรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ เดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่ผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำความเป็นต้นตำรับ “มะขามจี๊ดจ๊าด” พร้อมรุกทุกช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าดันมะขาม GI เพชรบูรณ์ผงาดบนเวทีโลก คาดการณ์เติบโตกว่า 30% ในปีนี้
เพชรบูรณ์, ประเทศไทย – นับเป็นก้าวสำคัญของวงการผลไม้แปรรูปไทย เมื่อ บริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด หรือที่รู้จักกันดีในนาม “มะขามสารัช“ ผู้บุกเบิกและผู้นำด้านธุรกิจมะขามแปรรูปตัวจริงรายแรกจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ครองใจผู้บริโภคทุกยุคทุกสมัยด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์มายาวนานเกือบ 50 ปี ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ในการ “รีเฟรชแบรนด์” เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นนวัตกรรม โดยยังคงชูจุดแข็งด้านคุณภาพและรสชาติต้นตำรับของมะขามหวานเพชรบูรณ์ สินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อันเลื่องชื่อ ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาด และผลักดันให้มะขาม GI เพชรบูรณ์เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ต้นตำรับความอร่อยจากเพชรบูรณ์ สู่ผู้นำตลาดมะขามแปรรูป
นายสารัช กมลธรไท กรรมการผู้จัดการ บริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นและความสำเร็จของแบรนด์ว่า “มะขามหวานถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับจังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้มะขามของที่นี่มีคุณภาพสูงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น” ด้วยความได้เปรียบด้านวัตถุดิบนี้ ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการแปรรูปที่สั่งสมมานาน ทำให้ “มะขามสารัช” ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในฐานะผู้ผลิตมะขามแปรรูปรายแรกของอำเภอหล่มเก่า สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะ “มะขามจี๊ดจ๊าด” สูตรต้นตำรับ ที่โดดเด่นด้วยความคิดริเริ่ม (Originality) และรสชาติที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน
“เราไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา เราสร้างสรรค์รสชาติที่หลากหลาย แปลกใหม่ และแตกต่างออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ในทุกเจนเนอเรชั่น” นายสารัชกล่าวเสริม ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้สารัช มาร์เก็ตติ้ง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 10-20% และมียอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 7 ล้านชิ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 80% และตลาดต่างประเทศ 20% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเทรนด์ความต้องการบริโภคอาหารแปรรูปที่สะดวกสบาย และความนิยมของมะขามในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
อาณาจักร “สารัช” กับความหลากหลายที่ครองใจผู้บริโภค
ภายใต้อาณาจักรของ สารัช มาร์เก็ตติ้ง ไม่ได้มีเพียงแบรนด์ “สารัช” (SARACH TAMARIND) ที่เน้นจับกลุ่มตลาดแมสเท่านั้น แต่ยังมีการสร้างแบรนด์ลูกเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ได้แก่
- Alisa: มุ่งเจาะกลุ่ม Youngster และสาวสมัยใหม่ เน้นการสื่อสารในยุคดิจิทัล
- ASHIRA SAN: แบรนด์ที่เติมความสนุกสนาน เพิ่มอรรถรสในการกิน
- SARACH GOLD: แบรนด์มะขามระดับพรีเมียม
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ทศวรรษ สารัชได้พัฒนาสินค้าออกมามากกว่า 30 รสชาติ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 100 SKU (Stock Keeping Unit) โดยมีผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่จดจำ ได้แก่ มะขามจี๊ดจ๊าด, มะขามคลุก และมะขามแก้ว ซึ่งหัวใจสำคัญคือการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูงจากแหล่งเพาะปลูกในจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GI ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นคงรสชาติเอกลักษณ์เฉพาะของมะขามเพชรบูรณ์แท้
นอกจาก “มะขามเพชรบูรณ์” ที่เป็นสินค้าเรือธงแล้ว สารัช มาร์เก็ตติ้ง ยังได้นำผลไม้และวัตถุดิบอื่น ๆ มาแปรรูปเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอ เช่น มะยม, มะม่วง, สับปะรด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่แตกไลน์ออกไปอย่าง น้ำพริกมะขามแบรนด์ “ย่าหมู” และซอสมะขาม การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายนี้ช่วยตอกย้ำความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้บริโภค ส่งผลให้สารัชก้าวขึ้นเป็นผู้นำยอดขายอันดับต้นๆ ในธุรกิจผลไม้แปรรูปของประเทศ
ยุทธศาสตร์รีเฟรชแบรนด์ ปั้นมะขามเพชรบูรณ์สู่เวทีโลก
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต สารัช มาร์เก็ตติ้ง ได้วางเป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้น นั่นคือการสร้างชื่อเสียงให้ “มะขามเพชรบูรณ์” เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับโลก โดยยังคงยึดมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์หลักคือ “การสร้างประสบการณ์ใหม่” ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มทางเลือกที่น่าสนใจและสร้างโอกาสการเติบโตให้กับตลาดผลไม้แปรรูปในระยะยาว โดยทุกกระบวนการผลิตยังคงเน้นย้ำมาตรฐานระดับสากล
นายสารัช กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการตลาดเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่สากลว่า “การพัฒนาสินค้าต้องก้าวให้ทันและตอบสนอง ‘เทรนด์การบริโภค’ ให้ได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และทันท่วงที” ในปีนี้ บริษัทฯ จึงได้ลงทุนด้านกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายครั้งใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนการรีเฟรชแบรนด์ โดยจะนำนวัตกรรมอาหาร (Food Innovation) เข้ามาเสริมทัพ เพื่อสร้างความตื่นเต้นและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
ไฮไลท์สำคัญคือการเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 10 รายการ ซึ่งจะเป็นการนำเสนอมะขามแปรรูปในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน มุ่งเน้นการสร้าง “สัมผัสและรสชาติของมะขามที่แตกต่าง” ทำให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองความอร่อยและเพลิดเพลินกับการรับประทานมะขามในมิติใหม่ๆ
พร้อมกันนี้ บริษัทยังทุ่มงบประมาณสำหรับแคมเปญสื่อสารการตลาด เพื่อตอกย้ำความเป็น “ต้นตำรับมะขามจี๊ดจ๊าด” สินค้าขายดีอันดับหนึ่งของแบรนด์สารัช โดยจะมีการโปรโมทอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ การออกบูธแสดงสินค้า และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับรสชาติความสดใหม่ เปรี้ยวจี๊ดถึงใจในทุกรสชาติและทุกกระปุกของสารัช
ในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย สารัชจะทำการ “รุกตลาดในทุกช่องทาง” อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, โมเดิร์นเทรดต่างๆ รวมถึงการวางจำหน่ายบนชั้นวางในร้านค้าสะดวกซื้อ (Convenience Store) และการขยายการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์อย่างครอบคลุม
ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศ ปัจจุบัน สารัชมีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศออสเตรเลีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป (EU) และยังคงมองหาโอกาสในการขยายตลาดไปยังประเทศที่มีศักยภาพอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดรับการผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) ให้กับนักลงทุนที่สนใจสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะขามเป็นของตนเอง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจ OEM คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 20% ของกลุ่มธุรกิจสารัช ขณะที่อีก 80% มาจากแบรนด์ของบริษัทเอง จากแผนงานทั้งหมดที่วางไว้ บริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้จะสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 30%
สร้างองค์กรสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน เคียงข้างเกษตรกรและชุมชน
นอกเหนือจากการมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแล้ว สารัช มาร์เก็ตติ้ง ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเริ่มต้นจากการรับซื้อผลผลิตมะขามจากเกษตรกรในพื้นที่ด้วยราคาที่เป็นธรรม และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์กับชุมชน ผ่านการส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกมะขามในรูปแบบ “เกษตรแปลงใหญ่” ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรรายย่อย นำไปสู่การสร้างเครือข่ายชุมชน (Community Cluster) ที่แข็งแกร่ง
การรวมกลุ่มนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก การเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการบริหารจัดการผลผลิตอย่างมืออาชีพ ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐานทัดเทียมกัน เกษตรกรมีโอกาสในการเข้าถึงตลาดมากขึ้น และมีอำนาจต่อรองทางการตลาดที่สูงขึ้น นอกจากนี้ สารัชยังผลักดันให้กลุ่มเกษตรกรในเครือข่ายดำเนินการจดทะเบียนเพื่อขอรับรองมาตรฐาน GI มะขามหวานเพชรบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร แต่ยังเป็นการสร้างอาชีพและกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกหลายพันครอบครัว
บทสรุปความสำเร็จและการก้าวต่อไป
นายสารัช กมลธรไท เชื่อมั่นว่า ปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จของ “มะขามสารัช” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ความเป็นต้นตำรับมะขามแปรรูปจากเพชรบูรณ์, การรักษามาตรฐานรสชาติที่ดีเยี่ยม, การกำหนดปริมาณสินค้าและราคาที่สมเหตุสมผล, การไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ, การทำให้สินค้าหาซื้อได้ง่ายในวงกว้าง, การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D), การแสวงหาวัตถุดิบใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ, การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแปรรูปที่ทันสมัยมาใช้เพื่อรักษาคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการของผลไม้ และที่สำคัญคือ การทำงานร่วมกับเกษตรกรและชุมชนอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาผลผลิตมะขามให้ได้มาตรฐาน
องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จ และตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจแปรรูปมะขามของสารัช ที่วันนี้พร้อมแล้วสำหรับการรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภค และเดินหน้าขับเคลื่อนมะขาม GI เพชรบูรณ์ให้ก้าวไกลสู่เวทีสากลอย่างเต็มภาคภูมิ
#มะขามสารัช #สารัชมาร์เก็ตติ้ง #มะขามแปรรูป #มะขามเพชรบูรณ์ #มะขามGI #รีเฟรชแบรนด์ #นวัตกรรมอาหาร #มะขามจี๊ดจ๊าด #ส่งออก #ผลไม้แปรรูป #ธุรกิจอาหาร #เกษตรแปรรูป #เศรษฐกิจไทย #เพชรบูรณ์ #SARACHTamarind