สิงคโปร์ ชี้ขึ้นภาษีสหรัฐฯ ห่วงบ่อนทำลายกติกาการค้าโลก-เสี่ยงละเมิด FTA

สิงคโปร์  ชี้ขึ้นภาษีสหรัฐฯ ห่วงบ่อนทำลายกติกาการค้าโลก-เสี่ยงละเมิด FTA

นายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง แห่งสิงคโปร์ วิเคราะห์ผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ ชี้ความเสี่ยงทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมแสดงความกังวลลึกซึ้งต่อการกัดเซาะระบบการค้าพหุภาคีและกฎเกณฑ์สากล ชี้การกระทำฝ่ายเดียวอาจจุดชนวนความขัดแย้ง-เสี่ยงละเมิดข้อตกลงการค้าเสรี ย้ำสิงคโปร์ยึดมั่นการค้าเปิด เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์

สิงคโปร์, 5 เมษายน 2568 – ในขณะที่ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนและความท้าทายจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่นานาประเทศจับตามองอย่างใกล้ชิด ล่าสุด นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของ สิงคโปร์ ได้ออกมาแสดงทัศนะต่อผลกระทบและนัยยะสำคัญของมาตรการทางภาษีที่สหรัฐฯ อาจนำมาใช้ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อคู่ค้าโดยตรง แต่ยังแผ่ขยายระลอกคลื่นมาถึงสิงคโปร์ และที่สำคัญ อาจสั่นคลอนรากฐานของระบบการค้าเสรีระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีหว่อง ได้เน้นย้ำว่า สิงคโปร์ในฐานะประเทศเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กที่พึ่งพาการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเป็นอย่างสูง กำลังติดตามพัฒนาการด้านนโยบายภาษีของสหรัฐฯ อย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้มาตรการเหล่านี้อาจไม่ได้พุ่งเป้ามายังสิงคโปร์โดยตรง แต่ผลกระทบทางอ้อมถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ผลกระทบซับซ้อน: จากเศรษฐกิจสู่กฎเกณฑ์การค้า

ผู้นำสิงคโปร์อธิบายว่า ผลกระทบต่อสิงคโปร์มีทั้งมิติทางตรง หากสินค้าส่งออกหรือนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตของสิงคโปร์ถูกเก็บภาษีเพิ่ม แต่ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือผลกระทบทางอ้อม ผ่านการชะลอตัวของการค้าโลก ความปั่นป่วนในห่วงโซ่อุปทาน และที่สำคัญคือ การบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในระบบการค้าพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์ (Rules-based Multilateral Trading System)

“สิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองได้เพราะระบบการค้าโลกที่เปิดกว้าง มีเสถียรภาพ และคาดการณ์ได้” นายหว่องกล่าว “เมื่อมีการดำเนินมาตรการฝ่ายเดียว โดยเฉพาะมาตรการทางภาษีขนาดใหญ่ มันไม่เพียงแต่สร้างความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ แต่ยังก่อให้เกิดคำถามถึงการเคารพในกฎเกณฑ์และข้อตกลงระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายได้สร้างร่วมกันมา”

ความเสี่ยงต่อการละเมิด FTA และการกัดเซาะ WTO

ประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีหว่องให้ความสำคัญ คือ ความเสี่ยงที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจถูกมองว่าขัดต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) หรือแม้กระทั่งข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่สหรัฐฯ เป็นภาคีอยู่กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ การดำเนินการที่อาจถูกตีความว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของ WTO และ FTA เหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะนำไปสู่ข้อพิพาททางการค้าที่ซับซ้อนผ่านกลไกระงับข้อพิพาทต่างๆ แต่ยังส่งผลเสียต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุนทั่วโลก

“มีความกังวลว่าการใช้มาตรการภาษีลักษณะนี้อาจถือเป็นการละเมิดจิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งตัวบทของข้อตกลงทางการค้าได้ ซึ่งสิ่งนี้นำไปสู่ความไม่แน่นอนทางนโยบาย และทำให้ภาคธุรกิจลังเลที่จะลงทุนหรือวางแผนระยะยาว” นายหว่องชี้แจงเพิ่มเติมถึงความเชื่อมโยงระหว่างความน่าเชื่อถือของกฎเกณฑ์กับสภาวะเศรษฐกิจ “เมื่อกฎเกณฑ์ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ความเสี่ยงก็เพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการทำธุรกิจก็สูงตามไปด้วย

สิงคโปร์ไม่ได้กังวลว่าตนเองจะถูกบีบให้ละเมิด FTA ที่ตนเป็นภาคีอยู่โดยตรง แต่กังวลอย่างยิ่งว่าการกระทำของประเทศมหาอำนาจที่เป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจโลก หากไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์สากล จะเป็นการกัดเซาะความน่าเชื่อถือของระบบทั้งหมด ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการค้าเสรีอย่างสิงคโปร์

จุดยืนและการเตรียมพร้อมของ สิงคโปร์

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ นายกรัฐมนตรีหว่องย้ำว่า สิงคโปร์จะยังคงยึดมั่นในหลักการการค้าเสรี สนับสนุนระบบพหุภาคีและบทบาทของ WTO อย่างแข็งขัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าผ่านการเจรจาและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน

ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์ได้เตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน ด้วยการดำเนินกลยุทธ์ กระจายความเสี่ยง อย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ การดึงดูดการลงทุนจากหลากหลายแหล่ง และการส่งเสริมความหลากหลายทางอุตสาหกรรม การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย FTA ที่สิงคโปร์มีอยู่ทั่วโลก เช่น RCEP และ CPTPP ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรเทาผลกระทบและสร้างโอกาสใหม่ๆ

นอกจากนี้ การ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน จากภายใน ทั้งการพัฒนาทักษะแรงงาน การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการช่วยเหลือภาคธุรกิจในการปรับตัว ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ (Economic Resilience) เพื่อให้สิงคโปร์ยังคงเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมที่น่าดึงดูดต่อไป

“เราไม่สามารถควบคุมลมภายนอกได้ แต่เราสามารถปรับใบเรือและเสริมความแข็งแกร่งของเรือเราได้” นายหว่องกล่าวเปรียบเปรย “สิงคโปร์จะยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาความสามารถในการปรับตัว และแสวงหาโอกาสท่ามกลางความท้าทาย โดยยึดมั่นในหลักการที่เราเชื่อมั่น”

โดยสรุป แม้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะสร้างความกังวลทั้งในมิติเศรษฐกิจและมิติของกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ สิงคโปร์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ยังคงแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนการค้าเสรีและระบบพหุภาคี พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมภายในประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

#เศรษฐกิจสิงคโปร์ #ลอว์เรนซ์หว่อง #ภาษีสหรัฐ #สงครามการค้า #FTA #WTO #ผลกระทบเศรษฐกิจ #การค้าเสรี #การค้าระหว่างประเทศ #กฎเกณฑ์การค้า #ห่วงโซ่อุปทาน #เศรษฐกิจโลก #นโยบายการค้า #สิงคโปร์

Related Posts