สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ตอกย้ำพันธกิจสร้างผลกระทบเชิงบวก จับมือ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) เดินหน้าโครงการ “ครัวรักษ์อาหาร” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Starbucks FoodShare ชวนพาร์ทเนอร์ร่วมปรุงและส่งมอบอาหารกว่า 20,170 มื้อ (ข้อมูลถึง ธ.ค. 67) จากวัตถุดิบส่วนเกินคุณภาพดีกว่า 4,800 กก. มุ่งแก้ปัญหา ขยะอาหาร (Food Waste) สร้าง ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) พร้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากว่า 12 ตัน สะท้อนความมุ่งมั่นใน เดือนแห่งการช่วยเหลือสังคม ที่ปีนี้ฉลองครบรอบ 15 ปี ด้วยคอลเลกชันพิเศษ ‘พีนัทส์ โจ ไคน์ สนูปปี้’
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าคืนสู่สังคม จึงได้ผนึกกำลังกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) ประเทศไทย องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร สานต่อ “โครงการครัวรักษ์อาหาร” (SOS Rescue Kitchen) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อเดือนมีนาคม 2566 โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการ จัดการแก้ไขขยะอาหารและส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ในชุมชน
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “Starbucks FoodShare” ซึ่งร่วมส่งต่ออาหารให้ชุมชน โดยแบ่งกิจกรรมเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) กิจกรรมแบ่งปันความสุขด้วยขนมสตาร์บัคส์ ซึ่งเป็นการส่งต่ออาหารที่ไม่ได้จำหน่ายภายในร้านเพื่อนำไปมอบให้กับชุมชนในบริเวณโดยรอบ และ 2) โครงการครัวรักษ์อาหาร (SOS Rescue Kitchen) ที่ให้พาร์ทเนอร์ (พนักงาน) สตาร์บัคส์ได้ร่วมเป็นอาสาสมัครปรุงอาหารจากอาหารส่วนเกินที่ได้รับบริจาคมาจากพันธมิตรในเครือข่ายของมูลนิธิ SOS ให้เป็นเมนูใหม่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และถูกหลักอนามัย เพื่อส่งต่อให้กับคนในชุมชนที่ขาดแคลน โดยโครงการทั้งหมดนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพิเศษใน “เดือนแห่งการช่วยเหลือสังคม” (Global Month of Good) ที่สตาร์บัคส์ทั่วโลกจะรวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมที่สตาร์บัคส์ดำเนินธุรกิจอยู่
กิจกรรมล่าสุด ตอกย้ำพลัง “พาร์ทเนอร์” สร้างการเปลี่ยนแปลง
ล่าสุด สตาร์บัคส์ และ SOS ได้จัดกิจกรรมพิเศษภายใต้โครงการครัวรักษ์อาหาร เชิญชวนพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) สตาร์บัคส์ มาร่วมเป็นอาสาสมัครในการปรุงอาหารและบรรจุมื้ออร่อยกว่า 1,200 ชุด เพื่อส่งมอบให้กับชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือในพื้นที่เป้าหมาย โดยใช้วัตถุดิบหลักที่ได้รับการช่วยเหลือมาจากอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) คุณภาพดี ซึ่งรวมถึงเบเกอรี่และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากร้านสตาร์บัคส์ และผู้บริจาครายอื่นๆ ที่ผ่านการจัดการตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
คุณทวี อิ่มพูลทรัพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) กล่าวถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของพาร์ทเนอร์สตาร์บัคส์ในกิจกรรมครั้งนี้ว่า “จริงๆ แล้วความคาดหวังของเรากับงานครัวรักษ์อาหารที่ทำร่วมกับพาร์ทเนอร์สตาร์บัคส์ ก็อยากให้พาร์ทเนอร์ที่ปกติทำหน้าที่เตรียมอาหาร เบเกอรี่ ส่งมอบให้ชุมชนผ่านเรา วันนี้ได้มาเจอชุมชนจริงๆ ที่เขารับอาหาร ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบปรุง ได้พูดคุยกันว่าชุมชนรู้สึกอย่างไรบ้าง นี่เป็นจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจ ที่เห็นพาร์ทเนอร์สามารถเข้ากันได้ดีกับอาสาสมัครชุมชน ทำให้เป้าหมายที่จะส่งต่ออาหาร 1,200 มื้อในวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”
เขายังเสริมอีกว่า พนักงานสตาร์บัคส์หลายคนมีความกระตือรือร้นและชื่นชอบในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เมื่อมีการเปิดรับสมัครอาสาสมัคร ก็มักจะได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง
ผลลัพธ์เชิงรูปธรรมและความมุ่งมั่นต่อเนื่อง
นับตั้งแต่การจัดทำโครงการครัวรักษ์อาหารครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 2566 จนถึงธันวาคม 2567 ความร่วมมือระหว่างสตาร์บัคส์และ SOS ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกที่วัดผลได้ ดังนี้:
- ส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้: รวมน้ำหนักกว่า 4,800 กิโลกรัม
- มอบอาหารให้ชุมชนแล้ว: กว่า 20,170 มื้อ
- ลดการปล่อยก๊าซ Co2e: กว่า 12,150 กิโลกรัม (หรือ 12 ตัน)
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความสำเร็จในการเปลี่ยนอาหารส่วนเกินให้กลายเป็นประโยชน์ แทนที่จะถูกทิ้งให้กลายเป็นขยะ นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ SOS ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สตาร์บัคส์ได้ร่วมสมทบทุนสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิ SOS เป็นจำนวนทั้งสิ้น 8.3 ล้านบาท (ข้อมูลถึงเดือนมีนาคม 2568) ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2568 นี้ สตาร์บัคส์ยังได้สนับสนุนรถขนส่งอาหารแบบแช่เย็น 1 คัน จากเงินบริจาคที่สะสมตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการขนส่งอาหารจากร้านสตาร์บัคส์ไปแจกจ่ายให้กับชุมชนในหลากหลายพื้นที่อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
เบื้องหลัง “ครัวรักษ์อาหาร”: การจัดการอาหารส่วนเกินอย่างมืออาชีพ
หัวใจสำคัญของโครงการนี้และภารกิจหลักของ SOS คือการ “กอบกู้” อาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดี แต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี่ที่จำหน่ายไม่หมดในแต่ละวัน อาหารกระป๋องที่ใกล้หมดอายุ ผักผลไม้ อาหารแช่แข็ง หรือแม้แต่อาหารปรุงสุกที่จัดเก็บอย่างปลอดภัยตามมาตรฐาน
คุณทวี อธิบายถึงกระบวนการว่า “เราเห็นว่าผู้ประกอบการหลายราย นอกเหนือจากสตาร์บัคส์ มีอาหารส่วนเกินที่เตรียมขึ้นมาเพื่อขาย แต่จำหน่ายไม่ได้ในวันนั้นๆ เราเป็นโซลูชันให้กับผู้บริจาคที่ไม่อยากทิ้งอาหารเหล่านี้ ผู้บริจาคจะเก็บรักษาอาหารให้เราเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน เช่น แช่เย็น เหมือนอาหารที่ขายปกติ แล้วส่งต่อให้เรา เราจึงมีความมั่นใจในการนำอาหารเหล่านี้มาส่งต่อให้ชุมชน”
กระบวนการรับและส่งต่ออาหารของ SOS นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด “เมื่อเรารับอาหารต่อจากผู้บริจาค เราจะส่งรถห้องเย็นที่ควบคุมอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสออกไปรับ เพื่อป้องกันการเสื่อมเสียระหว่างขนส่งในสภาพอากาศร้อนของบ้านเรา เมื่อรับเสร็จ เราจะส่งต่อไปยังชุมชนภายในวันนั้นเลย ไม่มีการเก็บค้างคืน และเรากำหนดให้ชุมชนที่ได้รับอาหารต้องบริโภคให้หมดภายในวันนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารจะถูกบริโภคหมดในวันที่สดใหม่ที่สุด” คุณทวีกล่าว
นอกจากนี้ SOS ยังมีการตรวจสอบความปลอดภัยเบื้องต้น (Food Safety Check) ก่อนรับบริจาคผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารนั้นยังคงปลอดภัยสำหรับการบริโภค แม้ว่าอายุตามมาตรฐานการจำหน่ายอาจจะสั้นลง เช่น เบเกอรี่สตาร์บัคส์ ที่แม้จะยังสามารถบริโภคต่อได้อีก 2-3 วัน แต่ SOS ก็จะรับและจัดส่งให้ชุมชนบริโภคภายในวันเดียวเท่านั้น
SOS: กลไกสำคัญลดขยะอาหาร ขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหาร
ปัจจุบัน SOS สามารถกอบกู้อาหารส่วนเกินในประเทศไทยได้เฉลี่ยวันละ 5-6 ตัน ผ่านเครือข่ายการดำเนินงานใน 4 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ หัวหิน และภูเก็ต โดยมีรถห้องเย็นรวมกว่า 11 คัน (กรุงเทพฯ 4, เชียงใหม่ 2, หัวหิน 1, ภูเก็ต 4) ทำหน้าที่รับและส่งต่ออาหาร
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 5-6 ตันต่อวัน ยังถือเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณขยะอาหารทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งกรมควบคุมมลพิษเคยประเมินไว้ว่าอาจสูงถึงราว 10 ล้านตันต่อปี โดยประมาณ 40% หรือ 4 ล้านตัน เป็นอาหารที่ยังสามารถบริโภคได้แต่ถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดายเนื่องจากการจัดการที่ไม่เหมาะสม นี่คือช่องว่างขนาดใหญ่ที่ SOS และพันธมิตร อย่างสตาร์บัคส์ กำลังพยายามเข้าไปช่วยแก้ไข
“เป้าหมายของเราคือการขยายการดำเนินงานไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ” คุณทวีกล่าว “เราอยากให้กิจกรรมการกอบกู้อาหารส่วนเกินเกิดขึ้นทั่วประเทศ เช่นเดียวกับที่สตาร์บัคส์มีสาขาทั่วประเทศ เราก็ตั้งใจจะไปให้ถึง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและเงินทุนสนับสนุนด้วย เรากำลังหารือและวางแผนเรื่องนี้อยู่ โดยอาจปรับเปลี่ยนโมเดลการทำงานให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นมากขึ้น เช่น การทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น หรือส่งเสริมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการกอบกู้อาหารมากขึ้น”
ความท้าทายและโอกาส: ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
การขยายการดำเนินงานเพื่อกอบกู้อาหารให้ได้มากขึ้นนั้นต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน คุณทวี ชี้ให้เห็น 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
- พันธมิตรผู้บริจาคที่ดี: การตัดสินใจของผู้ประกอบการ เช่น สตาร์บัคส์ ในการเลือกที่จะบริจาคแทนการทิ้ง คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด
- เงินทุนสนับสนุน: การดำเนินงาน ทั้งการจัดซื้อรถขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การอบรม และบุคลากร ล้วนต้องใช้งบประมาณ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเงินบริจาคและเงินสนับสนุนโครงการจากองค์กรพันธมิตร เช่น สตาร์บัคส์ โดยในปีนี้ SOS ตั้งเป้าค่าดำเนินการไว้ที่ประมาณ 23 ล้านบาท เพื่อให้สามารถดำเนินงานและขยายพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างความตระหนักรู้ในสังคม: การสื่อสารและการสนับสนุนจากสื่อมวลชน จะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมเห็นความสำคัญของการลดขยะอาหารและการบริจาคอาหารส่วนเกิน รวมถึงกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ และบุคคลทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
ปัจจุบัน SOS มีพันธมิตรองค์กรที่เคยร่วมงานด้วยมากกว่า 1,200 แบรนด์ ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจหลากหลาย ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร โรงแรม และผู้ผลิตอาหาร โดยสตาร์บัคส์ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักที่ให้การสนับสนุนอย่างรอบด้าน ทั้งการบริจาคอาหารส่วนเกิน เงินทุน และการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
สตาร์บัคส์: เดินหน้าสร้างความยั่งยืนรอบด้าน ฉลอง 15 ปี Global Month of Good
นอกเหนือจากโครงการครัวรักษ์อาหารแล้ว คุณจุฑาทิพย์ เก่งมานะ ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า สตาร์บัคส์ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนวาระด้านความยั่งยืนในมิติอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดการใช้แก้วที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ผ่านการส่งเสริมให้ลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้าน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากลูกค้าเป็นอย่างดี
“เราเห็นการเติบโตของการนำแก้วส่วนตัวมาใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในวันที่เรามีโปรโมชั่นพิเศษ ตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นถึง 40% เทียบกับวันปกติ” คุณจุฑาทิพย์กล่าว (แม้ตัวเลขที่แน่นอนอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่สะท้อนถึงแนวโน้มเชิงบวก) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายระดับโลกของสตาร์บัคส์
ขณะที่ใน เดือนแห่งการช่วยเหลือสังคม (Global Month of Good) ซึ่งปีนี้มีความพิเศษเนื่องในโอกาส ฉลองครบรอบ 15 ปี สตาร์บัคส์ได้ประกาศความร่วมมือระดับโลก เปิดตัวคอลเลกชัน ‘พีนัทส์ โจ ไคน์ สนูปปี้’ (Peanuts Joe Kind Snoopy) ใหม่ล่าสุด นำเสนอคาแรกเตอร์สุดน่ารักที่ออกแบบมาสำหรับสตาร์บัคส์โดยเฉพาะ เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อ แบ่งปัน และเติมพลังให้แก่กันระหว่างสตาร์บัคส์ ลูกค้า และชุมชน ผ่านน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่มีความหมายในทุกวัน
ขณะเดียวกัน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ยังคงดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนชุมชนและความยั่งยืนอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง อาทิ:
- ความร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (ITDF) ตั้งแต่ปี 2546 เพื่อสนับสนุนการปลูกกาแฟ สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือ
- การทำงานร่วมกับมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก (Books for Children) เพื่อส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ในชุมชน
- ความร่วมมือกับ Planet Water Foundation เพื่อส่งมอบน้ำสะอาดและการเรียนรู้ด้านสุขอนามัยแก่ชุมชนที่ขาดแคลน
- การพัฒนาสินค้าเพื่อความยั่งยืนร่วมกับ ศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต ในการเปลี่ยนกากกาแฟเป็นเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในร้าน เช่น ที่รองแก้ว ถาด และโต๊ะกาแฟ
- การร่วมงานกับสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACICT) และชุมชนท้องถิ่น ในการนำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากจังหวัดต่างๆ มารังสรรค์เป็นสินค้าคอลเลกชันพิเศษ
การร่วมมือระหว่าง สตาร์บัคส์ ประเทศไทย และ มูลนิธิ SOS ผ่านโครงการ “ครัวรักษ์อาหาร” ตลอด 3 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาปัญหาขยะอาหารและสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังเป็นตัวอย่างของการผสานพลังระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
#StarbucksThailand #SOSThailand #มูลนิธิสโกลารส์ออฟซัสทีแนนซ์ #ครัวรักษ์อาหาร #RescueKitchen #FoodWaste #ZeroHunger #Sustainability #สตาร์บัคส์ #ลดขยะอาหาร #ความมั่นคงทางอาหาร #CSR #GlobalMonthOfGood #PeanutsJoeKindSnoopy #สตาร์บัคส์เพื่อชุมชน #พันธกิจเพื่อสังคม