องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ ลงนาม MOU ผลักดันกิจกรรมกีฬาสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการจัดแข่งขันในรูปแบบ “คาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์” พร้อมนำร่อง 4 องค์กรกีฬา ตั้งเป้าขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมาย Net Zero และศูนย์กลางซื้อขายคาร์บอนเครดิตอาเซียน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ณ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่าง องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อร่วมกันส่งเสริมและผลักดันให้การจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาในประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่การเป็น “คาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์” (Carbon Neutral Event) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการกีฬาสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของประเทศภายในปี ค.ศ. 2050
พิธีลงนามได้รับเกียรติจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นประธานในพิธี ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองกระทรวงในการบูรณาการความร่วมมือเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมี ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และ นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ นอกจากนี้ ยังมี นางสาวชรัญญา เพชรสุวรรณนาคะ นางสาวไทย พิษณุโลก 2568 และเจ้าของตำแหน่ง “Miss Climate Change” มาร่วมเป็นกระบอกเสียง สร้างการรับรู้และความตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความจำเป็นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงฯ ในฐานะหน่วยงานหลักที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย “เรามุ่งมั่นสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวทันต่อสถานการณ์โลกและปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 ได้ในที่สุด”
ท่านรัฐมนตรีฯ ยังได้แสดงความยินดีกับทุกองค์กรกีฬาที่เข้าร่วมในความร่วมมือครั้งนี้ “โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับทุกองค์กรกีฬาที่ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการมุ่งมั่นดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา ในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์ (Carbon Neutral Event) และร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศของเรา”
ด้าน ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการ อบก. ได้ชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนของวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมทั่วโลก “ปัจจุบัน วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนของโลก ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งนี้ วงการกีฬา มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม การจัดแข่งขันกีฬานั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจากการเดินทาง การใช้พลังงาน หรือการใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการรองรับนักกีฬา คณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ ผู้ชม และนักท่องเที่ยว”
ด้วยเหตุนี้ อบก. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และให้การรับรองทางวิชาการเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (GHG Certify Body) ภายใต้นโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจก จึงได้ผนึกกำลังกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จัดงานแถลงความร่วมมือนี้ขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายและสนับสนุนให้ กกท. รวมถึงสมาคมกีฬาต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการมีส่วนร่วมในการลดปัญหาโลกร้อน
ความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสมาคมกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดแข่งขันกีฬา เกี่ยวกับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การวางแผน การจัดการพลังงาน การจัดการของเสีย การเดินทาง และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการชดเชยคาร์บอนเครดิตส่วนที่ยังไม่สามารถลดได้ ผ่านการซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) 1 เพื่อให้การจัดแข่งขันกีฬาบรรลุเป้าหมายการเป็น “Carbon Neutral Event” อย่างแท้จริง
ดร.ณัฐริกาฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การส่งเสริมกิจกรรมชดเชยคาร์บอนในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการจัดงานอีเวนต์ที่เป็นกลางทางคาร์บอนนี้ ยังเป็นการกระตุ้นตลาดคาร์บอนภายในประเทศให้เติบโต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ อบก. ในปีงบประมาณ 2568 ที่จะส่งเสริมให้เกิดปริมาณการซื้อขายและถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER รวมทั้งสิ้น 900,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยตั้งเป้าว่าส่วนหนึ่งของปริมาณดังกล่าว ราว 140,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จะมาจากการส่งเสริมกิจกรรมชดเชยคาร์บอนในระดับองค์กร ผลิตภัณฑ์ การจัดงานอีเวนต์ และระดับบุคคล
ในโอกาสนี้ มีองค์กรกีฬา 4 แห่ง ที่ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและประกาศเจตนารมณ์เป็นองค์กรนำร่อง ที่จะมุ่งมั่นดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ได้แก่
- สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย
- สมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย
- สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย
“ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ อบก. จะร่วมกับ กกท. พัฒนาองค์ความรู้ด้านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) และแนวทางการชดเชยคาร์บอนที่เหมาะสมกับบริบทของภาคส่วนด้านการกีฬาและสมาคมกีฬาต่างๆ” ดร.ณัฐริกาฯ กล่าว “เราจะสนับสนุนให้เกิดการสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับบุคลากรในวงการกีฬา ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผ่านการให้การสนับสนุนด้านความรู้เชิงเทคนิค การจัดอบรมสัมมนา รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการชดเชยคาร์บอนผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ของ อบก.”
รักษาการผู้อำนวยการ อบก. กล่าวทิ้งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการจัดแข่งขันกีฬาของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับสากลมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของทั้งนักกีฬา ผู้ชม นักท่องเที่ยว และนักลงทุน ที่หันมาให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืน (Sustainability) มากขึ้น ตลอดจนยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของภูมิภาคอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยส่งเสริมให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของอาเซียนได้ในอนาคต”
การลงนาม MOU ระหว่าง องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากภาคการกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมกีฬาของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของโลก และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่ท้าทายต่อไป
#CarbonNeutralEvent #ลดก๊าซเรือนกระจก #อบก #กกท #กีฬาไทย #TVER #NetZero #ClimateChange #ความยั่งยืน #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา #กีฬาคาร์บอนเป็นกลาง #คาร์บอนเครดิต