กองทุนดีอี อัดฉีด 24 โครงการดิจิทัลทั่วไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

กองทุนดีอี อัดฉีด 24 โครงการดิจิทัลทั่วไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) ประกาศผลการพิจารณาโครงการที่ได้รับการสนับสนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รวม 24 โครงการ ครอบคลุมการยกระดับเทคโนโลยีดิจิทัลในภาครัฐ ภาคเกษตร ภาคสาธารณสุข และการพัฒนาทักษะแรงงาน มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้เติบโตถึง 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปี 2570

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) หรือ บีดีอี (BDE) เป็นประธานในงานแถลงข่าว “ประกาศผลการพิจารณาโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567” โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนทุนทั้ง 24 โครงการเข้าร่วมงาน งานดังกล่าวจัดขึ้นโดยกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี : DEF) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการปรับตัวในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในระดับโลก ประเด็นความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมทักษะของแรงงานให้สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนถือเป็นหัวใจสำคัญ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้กำหนดนโยบาย “The Growth Engine of Thailand : 3 เครื่องยนต์ใหม่” โดยมุ่งเน้นการสร้างแรงงานแห่งอนาคต ผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะดิจิทัลในทุกช่วงวัย ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายว่าสัดส่วนมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital GDP) ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2570

สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กองทุนดีอีได้ประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการภายใต้วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท โดยได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างมาก มีผู้เสนอโครงการเข้ามาทั้งสิ้นถึง 509 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 32,168 ล้านบาท ผ่านกระบวนการพิจารณาคัดเลือกอย่างเข้มข้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จนได้ 24 โครงการที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ ความยั่งยืนของผลลัพธ์ และความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

กองทุนดีอี

นายเวทางค์เน้นย้ำว่า “โครงการทั้ง 24 นี้ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบที่สามารถนำไปขยายผลได้ในวงกว้าง แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นในภาคเกษตร ภาคสาธารณสุข การบริหารภาครัฐ หรือการพัฒนาทักษะแรงงานดิจิทัล ซึ่งเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้คือก้าวสำคัญของประเทศไทยในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง”

กรอบนโยบายการให้ทุนในปีนี้มุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่

  1. Digital Manpower: การพัฒนาทักษะดิจิทัลในทุกช่วงวัย เพื่อยกระดับศักยภาพแรงงานไทยให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก
  2. Digital Agriculture: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร
  3. Digital Technology: การส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการวิจัยด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศ
  4. Digital Government: การปรับปรุงและพัฒนาระบบบริการของภาครัฐให้มีความทันสมัย โปร่งใส และเพิ่มความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

“ความสำเร็จของโครงการเหล่านี้ อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทุกโครงการที่ได้รับทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมไทยในยุคดิจิทัล” นายเวทางค์กล่าว พร้อมแสดงความมุ่งหวังว่า “กองทุนดีอี จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของประเทศไทยในการสนับสนุนโครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มุ่งเป้าเพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธารณะและเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในภาพรวม ซึ่งจะเป็นโครงการต้นแบบที่สามารถนำไปขยายผลต่อยอดการพัฒนาประเทศต่อไป”

กองทุนดีอี

ด้านนางสาววรรณศิริ พัวศิริ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สดช. กล่าวเสริมว่า กองทุนดีอีได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2561 และได้ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ไปแล้วทั้งสิ้น 231 โครงการ คิดเป็นงบประมาณรวม 9,719 ล้านบาท การสนับสนุนดังกล่าวอยู่ภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำหรับโครงการที่ผ่านการอนุมัติในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้ง 24 โครงการ ได้เข้าสู่กระบวนการลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้ว

นางสาววรรณศิริยังได้กล่าวถึงกระบวนการติดตามและประเมินผลว่า “กองทุนดีอี จะติดตามและประเมินผลการดำเนินงานบนหลักการความโปร่งใส และชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์จะเกิดขึ้นอย่างคุ้มค่า ตรงตามวัตถุประสงค์ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสาธารณะ และการพัฒนาของประเทศอย่างแท้จริง”

โดยกองทุนดีอีจะดำเนินการติดตามการดำเนินโครงการใน 2 รูปแบบหลัก คือ 1) การรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงาน ซึ่งผู้รับทุนจะต้องจัดส่งรายงานให้กองทุนฯ เป็นรายไตรมาส และ 2) การลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับทุนสามารถศึกษารายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้จากคู่มือผู้รับทุน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทางเว็บไซต์ของกองทุนฯ (https://www.google.com/search?q=https://defund.onde.go.th) หรือผ่านทางช่องทาง Facebook ของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

การสนับสนุนโครงการดิจิทัลทั้ง 24 โครงการนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน ซึ่งการขับเคลื่อนดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแกร่งและนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้

#กองทุนดีอี #เศรษฐกิจดิจิทัล #เทคโนโลยีดิจิทัล #DEfund #DigitalGDP #DigitalThailand #นวัตกรรมดิจิทัล #พัฒนากำลังคนดิจิทัล #เกษตรดิจิทัล #รัฐบาลดิจิทัล

Related Posts