รองนายกรัฐมนตรี “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ติดตาม สถานการณ์น้ำ และปัญหาภัยแล้ง สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนรับมือล่วงหน้าทั้งภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย เน้นบริหารจัดการน้ำใน 4 อ่างเก็บน้ำหลักให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่เหลือน้ำน้อย พร้อมกำชับให้ความสำคัญกับน้ำอุปโภคบริโภคเป็นอันดับแรก ด้าน สทนช. เผยภาพรวมน้ำโคราชน้อยกว่าปีก่อน แต่ยืนยันลำตะคองยังเพียงพอต่อการใช้งาน
นครราชสีมา, ประเทศไทย – เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะกำกับดูแลพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็น สถานการณ์น้ำ และปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจฐานรากและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่
ในช่วงเช้า นายประเสริฐ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทาน หลังจากนั้นในช่วงบ่าย รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าและมอบนโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ในการประชุม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประสบปัญหาทั้งภัยแล้งและมีความเสี่ยงต่ออุทกภัยในบางพื้นที่ พร้อมมอบนโยบายและข้อสั่งการเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทั้งปัญหาภัยแล้งที่อาจรุนแรงขึ้น ภาวะฝนทิ้งช่วงที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร และสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน
รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อจัดทำแผนป้องกันและรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติทางน้ำล่วงหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่เปราะบาง ต้องมีการประเมินสถานการณ์และวางมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ต้องสามารถเข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ลดความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด
ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำต้นทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหา นายประเสริฐได้มอบหมายให้กรมชลประทานรับผิดชอบในการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง, อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง, อ่างเก็บน้ำมูลบน และอ่างเก็บน้ำลำแซะ อย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยต้องวางแผนการจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องให้ความสำคัญกับการสำรองน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นลำดับแรก เพื่อไม่ให้กระทบต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นคงพื้นฐานของประชาชน นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร พิจารณาดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำต่างๆ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักที่หล่อเลี้ยงประชาชนและภาคเศรษฐกิจในหลายอำเภอของจังหวัด และปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย
“การบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมา ผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงาน เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม โดยเฉพาะการจัดการน้ำใน 4 อ่างเก็บน้ำหลัก ต้องคำนึงถึงความต้องการใช้น้ำทุกภาคส่วน และให้ความสำคัญสูงสุดกับน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน นอกจากนี้ การซ่อมแซม ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิม และการศึกษาเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับจังหวัดในระยะยาว” นายประเสริฐ กล่าวเน้นย้ำ
นอกจากการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักแล้ว รองนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงแหล่งน้ำต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก สระน้ำ หรือคลองส่งน้ำต่างๆ ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน สามารถเก็บกักน้ำฝนในช่วงฤดูฝนได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง หรือช่วงที่เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง อันจะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในระดับพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวและสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำให้กับจังหวัดนครราชสีมาอย่างยั่งยืน นายประเสริฐได้มอบหมายให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการศึกษาข้อมูล จัดทำแผนงานและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ๆ ที่มีความจำเป็นและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ซึ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำเหล่านี้ ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้กับจังหวัดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทางด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ภาพรวมปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) จังหวัดนครราชสีมามีอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ รวม 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวมกันประมาณ 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นเพียง 32% ของความจุเก็บกักรวมทั้งหมด ซึ่งปริมาณน้ำรวมในปีนี้ถือว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญ มีสถานการณ์ดังนี้
- อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 42% ของความจุ)
- อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 37% ของความจุ)
- อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 39% ของความจุ)
- อ่างเก็บน้ำลำตะคอง มีปริมาตรน้ำ 50.14 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็นเพียง 16% ของความจุ)
ดร.สุรสีห์ กล่าวเสริมว่า แม้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองจะอยู่ในเกณฑ์น้อย คือเพียง 16% ของความจุ แต่จากการประเมินสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำที่วางแผนไว้อย่างรัดกุม เชื่อมั่นว่าจะยังคงมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่รับประโยชน์จากอ่างฯ ลำตะคองไปได้ อย่างไรก็ตาม สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำชับให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดที่สุด พร้อมทั้งรณรงค์ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ให้ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดช่วงแล้งนี้
เลขาธิการ สทนช. ยังยืนยันว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านน้ำในจังหวัดนครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการเร่งด่วนและแผนระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อคราวลงพื้นที่ครั้งก่อนในเดือนพฤศจิกายน 2567 และพร้อมที่จะนำข้อสั่งการจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยที่อาจตามมาในช่วงฤดูฝนที่จะถึงนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
การลงพื้นที่และสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาทรัพยากรน้ำในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของจังหวัด รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและการบริการ การเตรียมความพร้อมและวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ลดความเสียหายจากภัยพิบัติ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
#บริหารจัดการน้ำ #ภัยแล้ง #อุทกภัย #ฝนทิ้งช่วง #นครราชสีมา #โคราช #ประเสริฐจันทรรวงทอง #รองนายกฯ #สทนช #กรมชลประทาน #อ่างเก็บน้ำลำตะคอง #น้ำโคราช #เศรษฐกิจโคราช #ความมั่นคงด้านน้ำ