“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อนุมัติแผนใหญ่เสนอ 3 พื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญของไทยขึ้นทะเบียน Ramsar Site พร้อมไฟเขียวมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อมหลายมิติ ทั้งจัดระเบียบป้าย ปรับปรุงมาตรฐานน้ำทิ้งปั๊มน้ำมัน และตั้งอนุกรรมการแก้ปัญหาน้ำผิวดิน เน้นย้ำทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน สั่งศึกษาแนวทางจัดการ “ขยะอาหาร” ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมกำชับการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติ และการพิจารณา EIA อย่างรอบคอบคุ้มค่า
ทำเนียบรัฐบาล, ประเทศไทย – นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2568 ซึ่งถือเป็นการประชุมที่มีนัยสำคัญต่อทิศทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะรองประธานกรรมการฯ, นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วาระสำคัญที่เป็นไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้ คือการที่คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบใน 4 ประเด็นหลัก ที่จะส่งผลต่อการยกระดับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของไทยในระยะยาว ประเด็นแรกที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษคือ การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Site) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1) พื้นที่ชุ่มน้ำศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นแหล่งดูนกอพยพที่สำคัญและเป็นปอดขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ, 2) พื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำบางปะกงตอนล่าง ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออก ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงและเป็นแหล่งประมงสำคัญ
และ 3) พื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำอิงตอนล่าง ในภาคเหนือ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านระบบนิเวศและวิถีชีวิตชุมชนที่ผูกพันกับสายน้ำ โดยที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำอิงตอนล่างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการ การผลักดันพื้นที่เหล่านี้สู่การเป็น Ramsar Site ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลกด้านการอนุรักษ์ แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืน สร้างประโยชน์ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
ประเด็นสำคัญถัดมา คือการเห็นชอบ (ร่าง) แนวทางการจัดระเบียบป้ายเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมภูมิทัศน์เมือง ซึ่งนับเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการจัดระเบียบป้ายโฆษณาและป้ายประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เมืองและชุมชนมีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย และปลอดภัย ลดปัญหาสิ่งบดบังทัศนวิสัยและความรกรุงรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
ประเด็นที่สามที่ได้รับการอนุมัติคือ การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ให้มีความเข้มงวดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมาตรฐานใหม่นี้จะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงกิจกรรมการให้บริการจำหน่ายน้ำมันเท่านั้น แต่จะรวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในสถานีบริการ เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การซ่อมบำรุง และการให้บริการอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดน้ำเสีย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าน้ำทิ้งจากสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงจะได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการก่อนปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนของสารเคมีอันตรายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
และประเด็นสุดท้ายที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำอย่างจริงจัง คือ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน คณะอนุกรรมการชุดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนที่เกินมาตรฐานในแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรณีเร่งด่วนที่ตรวจพบสารโลหะหนักในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและระบบนิเวศโดยตรง
นอกเหนือจาก 4 ประเด็นหลักดังกล่าว ที่ประชุม กก.วล. ยังได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการพัฒนาขนาดใหญ่จำนวน 6 โครงการ ประกอบด้วย
- อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำจาง – ห้วยบ้านโตก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่
- อ่างเก็บน้ำแม่ตายละ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการเกษตรกรรมและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง
- โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในตัวเมืองหาดใหญ่และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งในภาคใต้
- โครงการทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 347 กับทางหลวงหมายเลข 3263 (แยกวรเชษฐ์) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่นบริเวณทางแยก
- โครงการทางหลวงหมายเลข 121 ช่วงจุดตัดทางหลวงหมายเลข 108 – จุดตัดทางหลวงหมายเลข 11 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ ช่วยระบายการจราจรและสนับสนุนการท่องเที่ยว
- โครงการงานก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าแรงสูงวชิราลงกรณ – สถานีไฟฟ้าสังขละบุรี อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ชายแดนตะวันตก
โครงการเหล่านี้เมื่อได้รับการอนุมัติ EIA จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาระบบการชลประทาน เพิ่มศักยภาพในการเดินทางและขนส่งสินค้า ลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองหลัก และเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ
ในระหว่างการประชุม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้แสดงความห่วงใยและเน้นย้ำต่อที่ประชุม พร้อมมีข้อสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวการตรวจพบกองขยะอันตรายที่อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี หรือเหตุการณ์พบสารปรอทในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ โดยขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมทั้งเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
นายประเสริฐ ยังได้กล่าวถึงประเด็น “ขยะอาหาร” (Food Waste) ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยอ้างอิงจากการประชุมคณะกรรมการอาหารแห่งชาติที่ผู้ทรงคุณวุฒิได้หยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาหารือ
“จากการได้ร่วมการประชุมคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิได้มีประเด็นเกี่ยวกับ ‘ขยะอาหาร’ (food waste) ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และกำลังจะเป็นประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม ก็ขอมอบนโยบายให้ฝ่ายเลขาฯ (สผ.) ศึกษาหาแนวทาง มาตรการ หรือวิธีการที่ทำให้ลดลง หรือควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
นับเป็นการส่งสัญญาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มพิจารณามาตรการจัดการขยะอาหารอย่างจริงจัง ซึ่งอาจรวมถึงการรณรงค์สร้างจิตสำนึก การส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ และการพัฒนาระบบการจัดการขยะอาหารที่มีประสิทธิภาพ
ประเด็นเรื่องคุณภาพน้ำและการบำบัดน้ำเสียเป็นอีกเรื่องที่นายประเสริฐให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยได้กล่าวถึงกรณีน้ำเสียสีดำคล้ำและมีกลิ่นเหม็นถูกปล่อยลงชายหาดอ่าวประจวบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยไม่มีการบำบัด สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม “ผมให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำเสียก่อนลงปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่อยากให้เป็นแบบข่าว เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่เจอน้ำทิ้งสีดำคล้ำและมีกลิ่นเหม็น ถูกปล่อยลงชายหาดอ่าวประจวบ โดยไม่มีการบำบัด จึงขอให้ฝ่ายเลขาฯ สำรวจและสร้างความเข้าใจกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการเสนอของบประมาณการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย” นายประเสริฐสั่งการ
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณารายงาน EIA อย่างเข้มงวด “ส่วนเรื่อง EIA ก็ขอเน้นย้ำอีกครั้งให้ท่านคณะกรรมการฯ ช่วยกันดูรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้ละเอียด ตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ศึกษาจัดทำมาว่าเป็นข้อมูลที่เป็นการตรวจสอบจริงภายใต้โครงการจริง และฝากช่วยกันดูว่าโครงการที่เสนอมามีความคุ้มค่า คุ้มเสีย กับผลกระทบที่จะเกิดในระยะยาวหรือไม่ และหาข้อสรุปให้ได้ว่าควรทำหรือไม่ควรทำ” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความต้องการให้การพิจารณา EIA เป็นไปอย่างรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
ในช่วงท้าย นาย ประเสริฐ ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการในเขต 12 จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์การรับมือภัยแล้งและน้ำท่วม โดยเฉพาะที่เขื่อนลำตะคอง ซึ่งพบว่ามีปริมาณน้ำเหลือใช้เพียง 16% ของความจุอ่างฯ
“ขอฝากให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) อย่างใกล้ชิด ในการพิจารณามีวิธีการบำบัดน้ำเสียเพื่อมาใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตรให้มากขึ้น ลดการระบายลงสู่แหล่งน้ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียส่งผลกระทบต่อระบบต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งสามารถทำได้แล้วในหลายประเทศ และเชื่อว่าประเทศไทยก็จะต้องทำให้ได้เช่นกัน“
ข้อเสนอนี้นับเป็นการจุดประกายแนวคิดการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการรับมือกับปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำในอนาคต สร้างความมั่นคงทางด้านทรัพยากรน้ำควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
การประชุม กก.วล. ในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการอนุมัติโครงการและมาตรการต่างๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากภาครัฐถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับการจัดการสิ่งแวดล้อมของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และตอบสนองต่อปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดยมีการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
#รองนายกประเสริฐ #คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ #กกวล #RamsarSite #พื้นที่ชุ่มน้ำ #บางปู #แม่น้ำบางปะกง #แม่น้ำอิง #บำบัดน้ำเสีย #EIA #ขยะอาหาร #สิ่งแวดล้อม #ภัยแล้ง #การจัดการน้ำ #เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม