“รองนายกฯ ประเสริฐ” สั่งเร่งเครื่องเต็มสูบ โปรเจกต์ยักษ์ “กรุงรัตนโกสินทร์-เมืองเก่า”

“รองนายกฯ ประเสริฐ” สั่งเร่งเครื่องเต็มสูบ โปรเจกต์ยักษ์ “กรุงรัตนโกสินทร์-เมืองเก่า”

“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะบัญชาการ คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ไฟเขียว 5 โครงการสำคัญ ทั้งมาตรการภาษีหนุนเอกชนอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ ปรับปรุงสะพานคลองโอ่งอ่างรับท่องเที่ยวทางน้ำ ผุดหอเฉลิมพระเกียรติกษัตริย์กฎหมายไทย พร้อมอนุมัติแบบสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง-ส้ม กลมกลืนบริบทประวัติศาสตร์ เน้นย้ำรอบคอบ ปลอดภัย ลดผลกระทบโบราณสถาน จ่อปั้นแผนปฏิบัติการพัฒนาเมืองเก่าทั่วประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทยประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่มีนัยยะต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศผ่านมิติทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการผลักดันโครงการสำคัญที่จะเป็นการพลิกโฉมและยกระดับพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าทั่วประเทศให้เป็นทั้งแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและเป็นหมุดหมายสำคัญทางเศรษฐกิจ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวภายหลังการประชุมว่า “ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการสำคัญหลายประการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่จะส่งเสริมการอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติไปยังคนรุ่นหลัง ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และสร้างแหล่งเรียนรู้ใหม่ที่มีคุณภาพให้กับประชาชนและเยาวชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร การขับเคลื่อนโครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความภาคภูมิใจในมรดกของชาติ แต่ยังก่อให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ และดึงดูดการลงทุน”

5 โครงการเรือธง ปลดล็อกศักยภาพกรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า

ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบในหลักการสำหรับ 5 โครงการสำคัญ ซึ่งแต่ละโครงการมีรายละเอียดและนัยยะทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจดังนี้:

  1. บัญชีรายชื่ออาคารอนุรักษ์ 121 แห่ง สู่มาตรการภาษีจูงใจ (Tax Incentive): คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบบัญชีรายชื่ออาคารที่มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์จำนวน 121 อาคาร เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเครื่องมือทางการเงิน โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมด้านภาษี (Tax Incentive)

    • นัยยะทางเศรษฐกิจ: มาตรการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้นให้ภาคเอกชนและเจ้าของอาคารเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีบางประเภทสำหรับผู้ที่ลงทุนบูรณะซ่อมแซมอาคารตามหลักการอนุรักษ์ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและสร้างแรงจูงใจในการลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในหลายด้าน เช่น
      • การจ้างงาน: เกิดการจ้างงานในกลุ่มช่างฝีมือเฉพาะทาง สถาปนิก วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์โบราณสถาน
      • ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง: วัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมหรือวัสดุทดแทนที่ได้มาตรฐานจะมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
      • มูลค่าเพิ่มของอสังหาริมทรัพย์: อาคารที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงามและคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์จะมีมูลค่าสูงขึ้น สามารถพัฒนาเป็นโรงแรมบูติค ร้านอาหาร แกลเลอรี่ หรือสำนักงานที่มีเอกลักษณ์ ดึงดูดผู้เช่าหรือผู้ใช้บริการที่มีกำลังซื้อ
      • การท่องเที่ยว: อาคารที่สวยงามเหล่านี้จะกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว เพิ่มเสน่ห์ให้กับกรุงรัตนโกสินทร์ และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยตรง
  2. พลิกโฉมคลองโอ่งอ่าง: ปรับปรุงสะพานระพีพัฒนภาคและสะพานบพิตรพิมุข: โครงการนี้เป็นการปรับปรุงโครงสร้างสะพานทั้งสองแห่งบริเวณคลองโอ่งอ่าง โดยจะยกระดับท้องสะพานให้สูงขึ้นเป็น +2.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือ

    • นัยยะทางเศรษฐกิจ: คลองโอ่งอ่างเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของการฟื้นฟูพื้นที่คลองเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวา การยกระดับสะพานจะช่วยปลดล็อกศักยภาพการท่องเที่ยวทางน้ำได้อย่างเต็มที่:
      • เพิ่มเส้นทางท่องเที่ยว: เรือท่องเที่ยวสามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้น อาจมีการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับคลองโอ่งอ่างและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง
      • กระตุ้นธุรกิจริมคลอง: เมื่อมีนักท่องเที่ยวทางน้ำมากขึ้น ร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ ริมคลองโอ่งอ่างจะคึกคักยิ่งขึ้น สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชน
      • สร้างงานบริการ: ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว ไกด์นำเที่ยว และบุคลากรด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทางน้ำจะมีงานทำเพิ่มขึ้น
  3. กำเนิด “หอเฉลิมพระเกียรติกษัตริย์กฎหมายไทย พิพิธภัณฑ์ และหอจดหมายเหตุยกกระบัตร”: โครงการนี้จะดำเนินการปรับปรุงอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารหลักเมือง) ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ด้านกระบวนการยุติธรรมของไทย และเป็นพื้นที่สาธารณะแห่งใหม่ของเมือง

    • นัยยะทางเศรษฐกิจ: การสร้างแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่นี้ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นการลงทุนใน “ทุนมนุษย์” และ “ทุนวัฒนธรรม”:
      • แหล่งท่องเที่ยวเชิงความรู้: ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่สนใจประวัติศาสตร์ กฎหมาย และวัฒนธรรม รวมถึงนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป
      • ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์: พื้นที่นี้สามารถใช้จัดนิทรรศการ กิจกรรมเสวนา หรือกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในกลุ่มผู้จัดงาน ศิลปิน และผู้ให้บริการ
      • การจ้างงาน: สร้างตำแหน่งงานสำหรับภัณฑารักษ์ นักจดหมายเหตุ เจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร และบุคลากรอื่นๆ
  4. ออกแบบสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) กลมกลืนมรดกวัฒนธรรม: คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการออกแบบทางขึ้น-ลงสถานีรถไฟฟ้าและปล่องระบายอากาศของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) โดยเฉพาะในสัญญาที่ 2 (ช่วงหอสมุดแห่งชาติ-ผ่านฟ้า) และสัญญาที่ 3 (ช่วงผ่านฟ้า-สะพานพุทธ) ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวในเขตกรุงรัตนโกสินทร์ การออกแบบจะคำนึงถึงคุณค่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่เป็นหลัก เพื่อรักษารูปแบบและอัตลักษณ์ดั้งเดิม

    • นัยยะทางเศรษฐกิจ: การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมือง แต่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ การออกแบบที่ละเอียดอ่อนมีความสำคัญอย่างยิ่ง:
      • ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว: สถานีรถไฟฟ้าที่ออกแบบอย่างกลมกลืนจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเดินทางเข้าถึงแหล่งมรดกวัฒนธรรมได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย โดยไม่ทำลายทัศนียภาพ
      • ลดผลกระทบต่อการจราจร: การใช้ระบบขนส่งมวลชนจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ชั้นใน ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว
      • เพิ่มมูลค่าพื้นที่โดยรอบ: การมีสถานีรถไฟฟ้าที่ออกแบบอย่างสวยงามและเข้ากับบริบท จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและอาจส่งผลให้มูลค่าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณใกล้เคียงปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาว
  5. ปรับดีไซน์รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี) คำนึงผลกระทบพื้นที่สำคัญ: ที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการออกแบบสถานีรถไฟฟ้า ทางขึ้น-ลง และปล่องระบายอากาศของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในจุดที่สำคัญ ได้แก่ บริเวณสถานีศิริราช สถานีสนามหลวง และสถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังเห็นชอบตำแหน่งทางขึ้น-ลง และปล่องระบายอากาศบริเวณสถานีหลานหลวง

    • นัยยะทางเศรษฐกิจ: เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง การปรับปรุงแบบให้สอดคล้องกับพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและสังคม มีความจำเป็น:
      • เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม: การเชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวกไปยังโรงพยาบาลศิริราช (ศูนย์กลางการแพทย์ขนาดใหญ่) สนามหลวง (พื้นที่จัดกิจกรรมสำคัญและแหล่งท่องเที่ยว) และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่เหล่านั้น
      • รักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และทัศนียภาพ: การออกแบบที่คำนึงถึงผลกระทบจะช่วยรักษาคุณค่าและความสวยงามของสถานที่สำคัญเหล่านี้ไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ

ประเสริฐ

ข้อสั่งการและแนวทางปฏิบัติ: อนุรักษ์อย่างรอบคอบ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นายประเสริฐได้เน้นย้ำและกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการต่างๆ ด้วยความระมัดระวังสูงสุด โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการจราจรในระหว่างการก่อสร้างและหลังเปิดใช้งาน นอกจากนี้ ประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งคือการหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่อาจมีผลกระทบต่อโบราณสถานอันล้ำค่า

“ทุกโครงการจะต้องดำเนินการตามแนวทางการประเมินและลดผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม โบราณสถาน และหลักฐานทางโบราณคดีอย่างเคร่งครัด จะต้องมีการรายงานผลการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาจะไม่ทำลายสิ่งที่เราต้องการอนุรักษ์ ในส่วนของการออกแบบสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ของสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ จะต้องสื่อความหมายให้สอดคล้องกับบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว

ขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนา “เมืองเก่า” ทั่วประเทศ

นอกเหนือจากโครงการในกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว คณะกรรมการฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการขับเคลื่อนงานอนุรักษ์และพัฒนา “เมืองเก่า” ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยผลักดันให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าของแต่ละเมือง และให้มีการทบทวนแผนปฏิบัติการฯ เหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นกรอบแนวทางที่ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในการพัฒนาเมืองอย่างมีทิศทางและยั่งยืน

ในการนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่ารายเมือง จำนวน 6 เมือง ได้แก่ เมืองเก่าพิษณุโลก เมืองเก่าสกลนคร เมืองเก่าแม่ฮ่องสอน เมืองเก่าน่าน เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตรัง การปรับปรุงนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การดำเนินงานในระดับพื้นที่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถดึงศักยภาพของแต่ละเมืองเก่าออกมาได้อย่างเต็มที่ และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจกระจายสู่ท้องถิ่น

การประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าในครั้งนี้ จึงนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการผสานมิติของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยมุ่งหวังให้กรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่เป็นหน้าตาและแหล่งความภาคภูมิใจของชาติ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต.

#กรุงรัตนโกสินทร์ #เมืองเก่า #อนุรักษ์วัฒนธรรม #ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ #เศรษฐกิจไทย #ประเสริฐจันทรรวงทอง #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #รถไฟฟ้าสายสีม่วง #รถไฟฟ้าสายสีส้ม #คลองโอ่งอ่าง #การพัฒนาที่ยั่งยืน #มรดกโลก #พิพิธภัณฑ์ไทย #TaxIncentive

Related Posts