ดีอีเตือนภัยแรง! เพจ “การบินไทย” ปลอมระบาดหนัก ชวนลงทุนหุ้น AOT

ดีอีเตือนภัยแรง! เพจ “การบินไทย” ปลอมระบาดหนัก ชวนลงทุนหุ้น AOT

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ส่งสัญญาณเตือนภัยไซเบอร์ครั้งใหญ่ หลังตรวจพบขบวนการโจรออนไลน์อาละวาดหนัก สร้างเพจปลอมแอบอ้างชื่อ “บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)” ชักชวนประชาชนลงทุนซื้อขายหุ้น AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) หวังหลอกลวงดูดทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเปิดสถิติข่าวปลอมรายสัปดาห์น่าตกใจ พบประชาชนให้ความสนใจสูงสุด จี้อย่าหลงเชื่อ ตรวจสอบข้อมูลก่อนคลิก-แชร์ ป้องกันความเสียหายวงกว้าง

สถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์นับวันยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงลงทุนผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งมิจฉาชีพมักใช้ชื่อองค์กรขนาดใหญ่และน่าเชื่อถือมาแอบอ้างเพื่อสร้างความไว้วางใจ ล่าสุด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลน่าตระหนก เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเพจปลอมที่ใช้ชื่อ “การบินไทย” เพื่อหลอกลวงนักลงทุนและประชาชนทั่วไป สร้างความสับสนและเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมหาศาล

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เปิดเผยถึงผลการติดตามและรับแจ้งข่าวปลอมโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) ในช่วงระหว่างวันที่ 9 – 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า มีข้อความที่เข้ามาในระบบมากถึง 817,414 ข้อความ และในจำนวนนี้ มีข้อความที่ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 623 ข้อความ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปริมาณข่าวสารที่หมุนเวียนในโลกออนไลน์ และความจำเป็นในการคัดกรองข้อมูลอย่างเข้มข้น

สำหรับช่องทางที่ตรวจพบเบาะแสข่าวปลอมมากที่สุด ยังคงเป็น Social Listening หรือการรับฟังเสียงจากสังคมออนไลน์ ซึ่งมีจำนวนสูงถึง 581 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่านช่องทาง Line Official ของศูนย์ฯ จำนวน 42 ข้อความ รวมแล้วมีเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 217 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 99 เรื่อง สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ ในบรรดาข่าวปลอมเหล่านี้ ข่าวที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์กลับได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด

“การบินไทยปลอม” ยืนหนึ่งข่าวลวงยอดฮิต

เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ และได้รับความสนใจจากประชาชนสูงสุด 10 อันดับ พบว่า อันดับที่ 1 คือ เรื่อง “การบินไทย เปิดให้ซื้อ-ขายหุ้น AOT ผ่านเพจ บริษัท การบินไทย” ข่าวปลอมดังกล่าวได้สร้างความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เนื่องจากทั้งบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ต่างก็เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง การแอบอ้างชื่อเพื่อชักชวนลงทุนในลักษณะนี้ จึงมีโอกาสสูงที่จะทำให้ประชาชนหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยประสานงานไปยัง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล และได้รับคำยืนยันอย่างชัดเจนว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น โพสต์และเพจที่กล่าวอ้างเรื่องการเปิดให้ซื้อขายหุ้น AOT ผ่านช่องทางของบริษัท การบินไทยนั้น เป็นการหลอกลวงประชาชนโดยกลุ่มมิจฉาชีพที่มุ่งหวังจะฉกฉวยผลประโยชน์ การบินไทยไม่มีนโยบายหรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดรับลงทุนในหุ้น AOT ผ่านเพจในลักษณะดังกล่าว ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโดยเด็ดขาด

นายเวทางค์ ได้เน้นย้ำถึงความอันตรายของเพจปลอมเหล่านี้ว่า “โพสต์ดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนหุ้น AOT กับ บริษัท การบินไทย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อเพจปลอมที่แอบอ้างโดยมิจฉาชีพ โปรดอย่ากดลิงก์ อย่าโอนเงิน อย่าแอดไลน์ และ ไม่ติดต่อกับเพจดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินและข้อมูลของประชาชน” คำเตือนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันตนเองจากกลโกงของมิจฉาชีพยุคดิจิทัล

สารพัดกลลวงออนไลน์ โจมตีความเชื่อมั่นประชาชน

นอกจากกรณีของเพจการบินไทยปลอมแล้ว ยังมีข่าวปลอมเกี่ยวกับการลงทุนและบริการทางการเงินอื่น ๆ ที่ติด 10 อันดับข่าวปลอมยอดนิยมด้วยเช่นกัน อาทิ อันดับที่ 2 เรื่อง “CPALL เสนอขายหุ้น ผ่านเพจ CP Growth Stock ปันผลวันละ 7-15%” ซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซีพีออลล์ เพื่อจูงใจด้วยผลตอบแทนที่สูงเกินจริง ถือเป็นกลวิธีคลาสสิกที่มิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกล่อนักลงทุนที่อาจขาดประสบการณ์หรือต้องการผลกำไรในระยะสั้น

ขณะที่อันดับที่ 3 และ 4 เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยตรง ได้แก่ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเพจเฟซบุ๊ก Stock Master” และ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดสอนเทรดหุ้นมือใหม่ เข้ากลุ่มและทดลองเทรดฟรี” การแอบอ้างชื่อสถาบันหลักด้านตลาดทุนของประเทศ ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับข่าวปลอมเหล่านี้อย่างมาก โดยมิจฉาชีพมักจะสร้างเพจหรือกลุ่มไลน์ปลอมขึ้นมา แล้วเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วม โดยอ้างว่าจะมีการสอนเทคนิคการเทรดหุ้น หรือให้ข้อมูลวงใน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็มักจะนำไปสู่การหลอกให้โอนเงินลงทุนในแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มปลอม

สถาบันการเงินอย่างธนาคารออมสิน ก็ตกเป็นเป้าหมายในการถูกแอบอ้างเช่นกัน โดยพบข่าวปลอมในอันดับที่ 5 คือ “ออมสินปล่อยสินเชื่อ ผ่านเพจ TikTok ชื่อ namretxhhe2” และอันดับที่ 7 “ธ.ออมสิน เปิดบริการให้ยืม สูงสุด 1 ล้านบาท ผ่านเพจ LEASE it PCL 947” การใช้แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok หรือสร้างเพจที่ดูคล้ายกับสถาบันการเงินจริง เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้ประชาชนทั่วไปสับสนและอาจหลงเชื่อได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินและต้องการแหล่งเงินกู้เร่งด่วน

นอกจากนี้ ยังมีข่าวปลอมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น อันดับที่ 6 “กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดลงทะเบียนรับเงินคืน ผ่านเพจ Justice Support & Resource Center” ซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อกระทรวงดีอีเอง เพื่อหลอกลวงประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาหรือให้ความช่วยเหลือทางการเงิน อันดับที่ 8 “ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดกลุ่มไลน์รับข้อมูลหุ้น เกษียณสุขเป็นจริงได้ด้วยเงิน 3 ก้อน” อันดับที่ 9 “เพจ Law Office for the people รับตรวจสอบ และให้คำแนะนำติดตามเงินคืนจากการโดนหลอก” และอันดับที่ 10 “ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเพจเฟซบุ๊กให้คำแนะนำลงทุน” ข่าวปลอมเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการหลอกลวงเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญไป

ผลกระทบวงกว้างและความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้

นายเวทางค์ ได้ให้ทัศนะเพิ่มเติมว่า “เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวการชักชวนให้ลงทุนในหุ้นของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ และการให้บริการสินเชื่อของ ธ.ออมสิน รวมทั้งการเปิดช่องทางให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนที่สนใจเกิดความเข้าใจผิด มีผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลที่เชื่อและแชร์ข้อมูลส่งต่อกันไปเป็นวงกว้าง เกิดความสับสน โดยประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้”

ผลกระทบจากข่าวปลอมเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การสูญเสียเงินทองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น การเปิดบัญชีม้า การขอสินเชื่อในนามผู้เสียหาย หรือแม้กระทั่งการนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การแพร่กระจายของข่าวปลอมยังบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรที่ถูกแอบอ้าง สร้างความตื่นตระหนกในสังคม และลดทอนความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องของปัจเจกบุคคล แต่ส่งผลกระทบในระดับโครงสร้างของสังคมและเศรษฐกิจ การที่ประชาชนไม่กล้าทำธุรกรรมออนไลน์ หรือขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ย่อมส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว

รู้เท่าทัน กลโกงออนไลน์ ป้องกันตนเองและคนรอบข้าง

กระทรวงดีอี มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว และตระหนักดีว่าการสร้างความตระหนักรู้และภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง โดยมีข้อควรปฏิบัติและข้อสังเกตที่สำคัญ ดังนี้:

  1. ตั้งสติ อย่ารีบร้อน: มิจฉาชีพมักใช้จิตวิทยาในการเร่งรัดให้ตัดสินใจ อ้างโปรโมชั่นจำกัดเวลา หรือขู่ให้กลัวว่าจะพลาดโอกาสทอง หากพบข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง หรือมีการเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งทันที ควรตั้งสติและตรวจสอบให้รอบคอบก่อนเสมอ
  2. ตรวจสอบแหล่งที่มา: ก่อนที่จะเชื่อหรือแชร์ข้อมูลใด ๆ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เพจขององค์กรจริงมักจะมีเครื่องหมายยืนยัน (Verified Badge) มีจำนวนผู้ติดตามที่สมเหตุสมผล และมีประวัติการโพสต์ที่สอดคล้องกัน อย่าหลงเชื่อเพียงแค่ชื่อหรือโลโก้ที่ดูคล้ายคลึงเท่านั้น
  3. สังเกตความผิดปกติ: เพจปลอมหรือเว็บไซต์ปลอมมักมีจุดสังเกต เช่น URL ที่สะกดผิดเพี้ยนไปจากเว็บไซต์ทางการ การใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการ มีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ หรือภาพประกอบที่ไม่มีคุณภาพ
  4. อย่าคลิกลิงก์แปลกปลอม: หากได้รับข้อความหรือเห็นโพสต์ที่น่าสงสัย ไม่ควรกดลิงก์ที่แนบมาในทันที โดยเฉพาะลิงก์ที่ส่งมาจากแหล่งที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์ที่ย่อส่วนจนไม่สามารถเห็นปลายทางที่แท้จริงได้ การคลิกลิงก์เหล่านี้อาจนำไปสู่การติดตั้งมัลแวร์ หรือเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อดักจับข้อมูล (Phishing)
  5. ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัวหรือรหัสผ่าน: องค์กรที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน จะไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่น เลขบัตรประชาชนเต็ม หมายเลขบัตรเครดิต รหัส CVV หรือรหัสผ่าน ผ่านทางโซเชียลมีเดีย อีเมล หรือ SMS หากมีการร้องขอข้อมูลเหล่านี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ
  6. อย่าโอนเงินโดยง่าย: ก่อนการโอนเงินเพื่อการลงทุนหรือชำระค่าบริการใดๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นบัญชีขององค์กรนั้นจริง ๆ ไม่ใช่บัญชีส่วนบุคคล หากไม่มั่นใจควรติดต่อสอบถามผ่านช่องทางที่เป็นทางการขององค์กรนั้นโดยตรง
  7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือคนที่ไว้ใจ: หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการลงทุนหรือข้อเสนอใด ๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือบุคคลที่ไว้ใจได้ อย่าตัดสินใจลงทุนด้วยความโลภหรือความกลัว
  8. อัปเดตข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ: ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกลโกงออนไลน์ใหม่ ๆ จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นายเวทางค์กล่าวย้ำว่า “ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด”

ช่องทางแจ้งเบาะแส เมื่อพบเห็นอาชญากรรมออนไลน์

หากประชาชนพบเห็นข่าวปลอม การหลอกลวงลงทุน หรืออาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบอื่น ๆ สามารถมีส่วนร่วมในการสกัดกั้นภัยคุกคามเหล่านี้ได้ โดยการแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยสามารถแจ้งได้ที่:

  • โทรสายด่วนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม 1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
  • Line ID: @antifakenewscenter
  • เว็บไซต์: www.antifakenewscenter.com

การร่วมมือกันของประชาชนในการเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแสเมื่อพบสิ่งผิดปกติ จะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับทุกคน

สถานการณ์การหลอกลวงออนไลน์ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการออกมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ภาคเอกชนในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือภาคประชาชน ที่ต้องมีความตระหนักรู้ มีสติในการรับข้อมูลข่าวสาร และไม่หลงเชื่อกลโกงของมิจฉาชีพโดยง่าย การสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลให้กับตนเองและคนรอบข้าง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในยุคที่ภัยออนไลน์อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

#ดีอีเตือนภัย #โจรออนไลน์ #การบินไทยปลอม #หุ้นAOT #หลอกลงทุน #ข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #กระทรวงดีอี #รู้ทันกลโกง #ภัยไซเบอร์ #เศรษฐกิจดิจิทัล

Related Posts