กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” (DIPROM) เดินหน้าเต็มสูบ ประกาศปลุกปั้น “Fashion Hero Brand” ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ชูธง Soft Power แฟชั่นไทย ยกระดับแบรนด์สู่เวทีโลก ผ่านกิจกรรมพัฒนาภาพลักษณ์และผลิตภัณฑ์ ตั้งเป้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเสริมแกร่งผู้ประกอบการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ สร้างแบรนด์ จนถึงการตลาด มุ่งสร้างเอกลักษณ์โดดเด่นจากทุนวัฒนธรรมไทย
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกแฟชั่นที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เปิดตัวโครงการ “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย” โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเชี่ยวชาญด้านการตลาด โดยดึงเอาอัตลักษณ์ความเป็นไทยมาผสมผสานกับการออกแบบที่ทันสมัย เพื่อสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ คาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
อุตสาหกรรมแฟชั่นไทย: ศักยภาพและความท้าทาย
นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา การส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ารวมสูงถึง 6,196.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (ข้อมูลจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ) ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย
จุดแข็งที่สำคัญของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ประกอบด้วยหลายปัจจัย ประการแรกคือ ฝีมือแรงงานที่มีความประณีตสูง ในการตัดเย็บ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ประการที่สองคือ ลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นการผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิม ลวดลายผ้าไทย เข้ากับการออกแบบที่ร่วมสมัย ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและน่าสนใจ ประการที่สามคือ ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงความหลากหลายของวัตถุดิบในพื้นถิ่น ซึ่งเอื้อต่อการสร้างสรรค์แบรนด์แฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ และสามารถต่อยอดไปสู่แฟชั่นเชิงวัฒนธรรมและความร่วมสมัยในระดับสากลได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยจะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาต้นทุนแรงงาน ที่ปรับตัวสูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงจาก ประเทศผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น จีน เวียดนาม และบังกลาเทศ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ยัง ขาดทักษะและความรู้ความเข้าใจในด้านการตลาดสมัยใหม่ การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและตรงใจผู้บริโภค รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากยัง ไม่สามารถเข้าถึงองค์ความรู้เชิงลึกและช่องทางการตลาดระหว่างประเทศ ได้อย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้โดดเด่น และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าและตลาดแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” สู่การสร้าง Fashion Hero Brand
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ตระหนักถึงโอกาสท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ จึงได้ริเริ่ม “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย” ภายใต้นโยบายหลัก “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในทุกมิติอย่างตรงจุดและครบวงจร
กิจกรรมนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการอย่างเข้มข้น ครอบคลุมทั้งในด้านการออกแบบ (Design) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) และการสร้างต้นแบบ Hero Brand ที่แข็งแกร่ง เพื่อเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยที่สามารถก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากลได้ นอกจากนี้ยังมุ่งเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้าให้มีอัตลักษณ์โดดเด่น โดยหยั่งรากลึกจากทุนทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทย ผสมผสานกับความเป็นสากล เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายแฟชั่นในระดับประเทศและนานาชาติ
แนวทางการดำเนินงานดังกล่าว สอดรับกับนโยบายของ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยให้มีความทันสมัย (Modern) สะอาด (Clean) สะดวก (Convenient) และโปร่งใส (Transparent) ผ่านการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ของโลก (New Normal) รวมถึงการส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและทุนทางวัฒนธรรม เพื่อยกระดับสินค้าไทยทั้งในด้านมาตรฐาน คุณภาพ และดีไซน์ ให้มีความทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกได้อย่างแท้จริง
กลไก Soft Power ขับเคลื่อนแฟชั่นไทย
นายสุรพล ปลื้มใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรม Fashion Hero Brand ได้นำกลไก Soft Power มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคุณค่าเพิ่ม (Value Creation) ให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นในสาขาเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของไทย โดยผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์ จำนวน 28 กิจการ ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น จะได้รับการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก (In-depth Consultation) เพื่อพัฒนาทักษะเชิงรุกและเสริมสร้างความเข้าใจในตลาดแฟชั่นยุคปัจจุบัน
กระบวนการให้คำปรึกษาจะมุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในหลากหลายด้าน ได้แก่:
- กลยุทธ์แบรนด์ (Brand Strategy): การกำหนดตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ การสร้างเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Storytelling) และการสร้างความผูกพันกับลูกค้า
- การสร้างภาพลักษณ์ (Image Building): การออกแบบอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) การสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำและสอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์
- การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Design and Development): การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมและยั่งยืน
- การบริหารจัดการ (Management): การบริหารจัดการการผลิต การควบคุมคุณภาพ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการบริหารการเงิน
- การสื่อสารแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Brand Communication): การวางแผนกลยุทธ์การสื่อสาร การใช้ช่องทางดิจิทัลและโซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้ การประชาสัมพันธ์ และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
“ดีพร้อม” เชื่อมั่นว่าการดำเนินกิจกรรมนี้จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยในหลายมิติ ไม่เพียงแต่จะเป็นการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างแบรนด์ที่มีความเป็นมืออาชีพและมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมแฟชั่นโดยรวมในประเทศ เพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และที่สำคัญคือ ลดการพึ่งพาการผลิตแบบรับจ้างผลิต (OEM) ไปสู่การสร้างแบรนด์ไทยที่แข็งแกร่งและยั่งยืน (Sustainable Thai Brands) ในระยะยาว
สร้างโอกาส หนุน Soft Power สู่แบรนด์ระดับโลก
นายสุรพล กล่าวทิ้งท้ายว่า “ดีพร้อมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรม Fashion Hero Brand จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล อันจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) และสนับสนุนพลัง Soft Power ของแฟชั่นไทยทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (National Soft Power Strategy) อย่างจริงจัง”
“กิจกรรมนี้ยังถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่สามารถสะท้อนอัตลักษณ์และเสน่ห์ความเป็นไทยได้อย่างงดงามและร่วมสมัย เราคาดการณ์ว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายสุรพลกล่าว
โครงการ “Fashion Hero Brand” จึงไม่ใช่เพียงแค่การสนับสนุนผู้ประกอบการเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับอนาคตของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย เป็นการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทรนด์สากล เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านการใช้งาน แต่ยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยให้ก้องไกลไปทั่วโลก นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยพลังแห่งแฟชั่นและ Soft Power อย่างแท้จริง
#FashionHeroBrand #DIPROM #ดีพร้อม #อุตสาหกรรมเสื้อผ้าไทย #แฟชั่นไทย #SoftPower #เศรษฐกิจสร้างสรรค์ #แบรนด์ไทยสู่สากล #OTOP #SMEไทย #ThaiFashion #MadeInThailand #ยกระดับแบรนด์ไทย #กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม